รองอธิการบดี มธ. เตือน จนท. อย่าสลายผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธโดยไม่จำเป็น ย้ำ รัฐหยุดอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดการม็อบ เชื่อ ยังพอมีเวลาแก้รัฐธรรมนูญ ต้นตอปัญหา
วันนี้ (17 ต.ค. 2563) ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต และอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นถึงการแสดงออกของผู้ชุมนุมหลายพื้นที่วันนี้ ว่า เป็นสัญญาณเชิงบวก เนื่องจากท่าทีของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และอยากให้คงบรรยากาศแบบนี้ต่อไป เพราะจะเห็นว่าท่าทีตำรวจเปลี่ยนไป ไม่แสดงกำลัง หรือส่งสัญญาณสลายการชุมนุม
ในขณะที่ผู้ชุมนุมเองแม้จะอยู่กันกระจัดกระจายหลายพื้นที่ และไร้แกนนำ แต่ก็เลือกที่จะลดความเสี่ยง ด้วยการกำหนดเวลายุติชุมนุมที่ชัดเจน คือ ต่างฝ่ายต่างก็เลือกที่ไม่สร้างเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรง จริง ๆ รูปแบบเช่นนี้ควรจะเกิดขึ้นเมื่อวานด้วย
“หลักง่าย ๆ ความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มขึ้นก่อน วันนี้ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก ไม่มีการปะทะกัน ฝ่ายผู้ชุมนุมหลีกเลี่ยงความรุนแรง ต่างฝ่ายต่างก็ลดท่าทีลง เมื่อวานทั้ง ๆ ที่ภาครัฐไม่จำเป็นต้องทำแต่กลับทำ โดยคิดว่าการใช้มาตรการเด็ดขาดจะไม่ทำให้การชุมนุมเกิดขึ้นอีก แต่ในข้อเท็จจริงมันใช้ไม่ได้ ที่สำคัญคือยิ่งทำให้คะแนนของรัฐบาลลดไปอีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เคยไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม ก็เริ่มหันมาต่อต้านการใช้ความรุนแรงของภาครัฐเมื่อวานนี้ สิ่งนี้ถือว่าไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลเลย”
ผศ.ปริญญา ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ภาครัฐไม่ควรอ้างใช้มาตรการจัดการกับผู้ชุมนุม เพราะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะนี่คือข้อบังคับที่เป็นประกาศของรัฐบาล ใช้จัดการกับคนที่ออกมาต่อต้าน ความผิดแบบนี้ไม่ใช่เกิดเพราะตัวกฎหมาย เหมือนอย่างการไปชิงทรัพย์ ฆ่าคนตาย แต่เป็นความผิดเพราะรัฐบาลเป็นผู้กำหนดว่าห้ามชุมนุม ที่สำคัญ คือ การชุมนุม โดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญก็รับรองเอาไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น การจะไปอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาสลายการชุมนุมจึงขัดต่อเจตนารมณ์ของสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
“หากจะเปรียบเทียบกับคนป่วยเป็นโรค การชุมนุมก็เป็นเพียงอาการของโรค ที่ต้องคอยประคับประคองให้ดีที่สุด แต่การที่รัฐบาล ยิ่งปราบก็เหมือนทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม ดังนั้น สิ่งที่ควรจะทำคือหาทางออกด้วยการเจรจา ถ้าเขาชุมนุมอย่างสงบ ก็ไม่ต้องไปปราบ แต่การจะปล่อยให้ชุมนุมกันไปเรื่อย ๆ โดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง ทางที่ดีรัฐบาลก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุให้ได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เป็นการสืบทอดอำนาจ ด้วยกลไกอย่าง ส.ว. ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลยังพอมีเวลาและทำได้ทันที ดังนั้นอย่าให้นองเลือดก่อนจะแก้ปัญหา”
