ประณามใช้กำลังสลายการชุมนุม ระบุ ปรากฏชัดว่าชุมนุมปราศจากอาวุธ ขอรัฐบาลทบทวนเหตุการณ์โดยเร็ว และยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
วันนี้ (17 ต.ค. 2563) ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ ต่อกรณีการสลายการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาประชาชนในคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 รายละเอียดดังนี้
ตามที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้สลายการชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ในคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 จนมีประชาชนและเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งบาดเจ็บและถูกนำส่งโรงพยาบาลนั้น
ชมรมแพทย์ชนบทในฐานะที่เป็นบุคลากรสาธารณสุขที่ทำงานอยู่ในต่างจังหวัด และยึดมั่นการทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด ขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนี้
1. ชมรมแพทย์ชนบทขอตั้งคำถามถึงเหตุผลความจำเป็นในการที่นายกรัฐมนตรีประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทั้ง ๆ ที่การชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม 2563 เป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ และยังไม่เกิดการใช้กำลังปะทะกันแต่อย่างใด การประกาศใช้อำนาจตามพระราชกำหนดดังกล่าวจึงอาจเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการกับผู้ชุมนุมอย่างไม่เหมาะสมได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว ซึ่งขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนไทยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ว่าด้วย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ให้การรับรองไว้
2. ชมรมแพทย์ชนบทขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อการสลายการชุมนุมในทุกรูปแบบ เนื่องจากการชุมนุมกันของเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 นั้นเป็นการชุมนุมของพลังบริสุทธิ์ที่เป็นการชุมนุมกันโดยสงบ เป็นธรรมชาติ และปราศจากอาวุธ เพื่ออุดมการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น หากแต่ภาพข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมที่ปรากฎต่อสาธารณชนนั้นเป็นที่น่ากังวลว่าอาจไม่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่เป็นสากลอันควรแก่สถานการณ์ดังกล่าว
3. ชมรมแพทย์ชนบทขอให้รัฐบาลทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวโดยเร็วที่สุดและพิจารณายกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปล่อยตัวผู้ชุมนุมและแกนนำ กลับมาดำเนินการตามกฎหมายปกติอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อรักษาหลักนิติรัฐและการปกครองบ้านเมืองอันดีเฉกเช่นนานาอารยประเทศ
ชมรมแพทย์ชนบทเป็นองค์กรที่ยึดมั่นการทำงานเพื่อประชาชน ขอแสดงจุดยืนในการพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชนภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะต้องมีการแก้ไขในอนาคตตามแนวทางประชาธิปไตยที่ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมต่อไป