ถ้าเปิดกรุงเทพมหานครได้ ก็เท่ากับการเปิดประเทศ เพราะเมืองหลวงเป็นเหมือนประตูด่านหน้าต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่จนถึงวันนี้ หากประเมินจากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และยอดการฉีดวัคซีนของประชากรในประเทศ แม้จะนับถอยหลังครบ 120 วันในเดือนพฤศจิกายน ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยให้คำมั่นไว้ ก็อาจทำให้เกิดอาการลังเล…
อย่างไรก็ตาม จากมติ ศบค. เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 นอกจากจะผ่อนคลายหลายมาตรการในพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด โดยเฉพาะลดเวลาเคอร์ฟิวเป็น 22.00 – 04.00 น. แล้ว ที่มาพร้อมกัน คือ ปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร
โดยปรับลดระยะเวลาในการกักกันสำหรับผู้มีเอกสารวัคซีนโควิด-19 ครบโดส เหลือ 7 วัน ส่วนผู้ที่ยังไม่มีเอกสารวัคซีน ให้กักตัว ตั้งแต่ 10-14 วัน สำหรับการเดินทางเข้าประเทศทางอากาศยาน กักตัว 7 วัน ทางน้ำและทางบก กักตัว 10-14 วัน
และเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว เพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เขาหลัก เกาะยาว จ.พังงา และเกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก จ.กระบี่
ขณะที่อีก 10 จังหวัด จะเริ่ม 1 พฤศจิกายน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, จ.กระบี่, จ.พังงา (ทั้งจังหวัด) , จ.ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน หนองแก) , จ.เพชรบุรี (ชะอำ) , จ.ชลบุรี (พัทยาบางละมุง จอมเทียน บางเสร่) , จ.ระนอง (เกาะพยาม) , จ.เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริมแม่แตง ดอยเต่า) , จ.เลย (เชียงคาน) และ จ.บุรีรัมย์ (อ.เมือง)
ยอดฉีดวัคซีน 10 จังหวัด เตรียมเปิดเมือง 1 พฤศจิกายน 2564
จังหวัด | ยอดการฉีดวัคซีน |
กรุงเทพมหานคร | ฉีดสะสม 3,788,684 คน คิดเป็น 47.78% |
กระบี่ (ทั้งจังหวัด) | ฉีดสะสม 128,072 คน คิดเป็น 27.11% |
พังงา (ทั้งจังหวัด) | ฉีดสะสม 126,332 คน คิดเป็น 48.88% |
ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน หนองแก) | ฉีดสะสม 187,028 คน คิดเป็น 33.35% |
เพชรบุรี (ชะอำ) | ฉีดสะสม 168,130 คน คิดเป็น 36.13% |
ชลบุรี (พัทยา บางละมุง จอมเทียน บางเสร่) | ฉีดสะสม 752,957 คน คิดเป็น 32.33% |
ระนอง (เกาะพยาม) | ฉีดสะสม 96,677 คน คิดเป็น 47.52% |
เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) | ฉีดสะสม 404,238 คน คิดเป็น 21.35% |
เลย (เชียงคาน) | ฉีดสะสม 115,557 คน คิดเป็น 19.27% |
บุรีรัมย์ (อ.เมือง) | ฉีดสะสม 440,949 คน คิดเป็น 32.61% |
สื่อต่างชาติรายงานข่าวความพยายามในการเปิดประเทศในภูมิภาคอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยว่า หลังผ่านจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดไปได้ไม่นาน และอัตราการฉีดวัคซีนในบางพื้นที่ยังต่ำ ประเทศไทยกำลังมองหาแนวทางในการเปิดประเทศอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว
ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งมองว่าหากอัตราการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงยังคงไม่มากพอ แต่หลายประเทศเลือกที่จะยกเลิกข้อจำกัด หรือผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค อาจทำให้ระบบสาธารณสุขในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่สภาวะตึงตัวอย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงมากกว่าชาติตะวันตกที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่ามาก ทำให้อัตราการเสียชีวิตและการรักษาในโรงพยาบาลยังคงต่ำแม้จะเปิดประเทศแล้ว
ด้าน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค ในฐานะนักระบาดวิทยาบอกกับ The Active ว่าความสมดุลระหว่างการควบคุมโรคกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจต้องไปพร้อมกัน
ความเห็นส่วนตัวของ นพ.คำนวณ มองว่าการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเกินไป จะทำให้การตัดสินใจมาเที่ยวเมืองไทยลดลง สิ่งที่ต้องคัดกรองนักท่องเที่ยวคือตรวจสอบว่ามีการวัคซีนครบแล้วหรือไม่ จะทำให้การเปิดประเทศปลอดภัย ขณะเดียวกันหากเปิดประเทศแล้วมีการระบาด อาจไม่เกิดความสูญเสียมากเท่าการระบาดระลอกที่ผ่านมา เพราะกลุ่มเสี่ยงได้ฉีดวัคซีนไปจำนวนมากแล้ว
สำหรับข้อมูลการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคประจำตัว ปัจจุบันพบว่า พวกเขาได้รับวัคซีนไปแล้ว 16.21 ล้านคน จากเป้าหมาย 17 ล้านคน
- ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนแล้ว 9.97 ล้านคน
- ผู้มีโรคประจำตัว ฉีดวัคซีนแล้ว 6.24 ล้านคน
ขณะที่ภาพรวมการฉีดวัคซีนของทั้งประเทศ มีผู้ฉีดวัคซีน 2 เข็ม สะสม 18,663,607 คน คิดเป็น 27.78% โดย จ.ภูเก็ต มียอดฉีดวัคซีน 2 เข็มมากที่สุดถึง 82.90% แต่ 3 จังหวัดที่เปิดรับท่องเที่ยวบางพื้นที่ ยังมีสัดส่วนการฉีดวัคซีนที่ต่ำกว่า 50% ส่วน กรุงเทพมหานคร ที่จะเปิดเมืองวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ มีสัดการฉีดวัคซีนล่าสุด 47.78%
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้วันเกือบ 1 ล้านโดส ขณะเดียวกันจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงต่อเนื่อง จึงตัดสินใจปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่กว่า 3,700 เตียงลงไปแล้วเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
เพื่อให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างปลอดภัย องค์การอนามัยโลก พยายามวางหลักเกณฑ์ตัวชี้วัด ให้แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ รวมถึงมีระบบสาธารณสุขที่สามารถตรวจคัดกรองและรองรับผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอ แต่ต้องยอมรับว่าบางประเทศไม่เป็นไปตามมาตรฐานเหล่านี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเปิดประเทศและฟื้นฟูการท่องเที่ยว เป็นทางออกเดียวของผู้ประกอบการ และพยุงอัตราการจ้างงานให้กับประชาชน