‘ความเหลื่อมล้ำ’ ถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญ แต่ที่ผ่านมากลับถูกมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เรามักจะได้ยินเสียงเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง ค่าแรง สุขภาพ ฯลฯ แต่ไม่ค่อยมีใครเรียกร้องให้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ทั้งที่ หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่า ‘ช่องว่าง’ ของความแตกต่างที่เกิดขึ้นในสังคม คือชนวนสำคัญนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ มากมาย ดังนั้น การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ จึงไม่ได้หมายถึงแค่การเพิ่มความเท่าเทียม สร้างโอกาสให้เกิดขึ้นในสังคม แต่ยังช่วยป้องกัน หรือลดความรุนแรงของของปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อมูลจากงานวิจัยนานาชาติพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ มีส่วนช่วยคลี่คลายปัญหาอื่น ๆ ได้ในหลายมิติ ในทางตรงกันข้าม หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ สุดท้ายความเสียหายย่อมวนกลับกลับมาซ้ำเติมสร้างปัญหาอื่น ๆ อีกไม่รู้จบ
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/09/1-1.jpg)
ดิ้นไม่หลุด ติดกับดักรายได้ปานกลาง
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของไทย คือ การก้าวพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง แม้ที่ผ่านมาจะมีความพยายามต่อเนื่อง ทั้งการเบนเข็มจากแนวทางเกษตรกรรมสู่อุตสาหกรรม หรือมาตรการกระตุ้นการส่งออกและท่องเที่ยว หวังเพิ่มรายได้เข้าประเทศ แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะฉุดกระชากลากให้ไทยขยับสถานะไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้สำเร็จ
ชวนให้ต้องกลับมาตั้งคำถามว่าเส้นทางที่กำลังเดินไปไปสู่เป้าหมายนั้น มาถูกทางแล้วหรือไม่?
โดยเฉพาะกับแนวทางเน้นสร้าง “รายได้” โดยไม่ได้มุ่งแก้ปัญหา “ความเหลื่อมล้ำ” สุดท้ายอาจะไปซ้ำเติมปรากฏการณ์ “รวยกระจุก จนกระจาย” กลายเป็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลชัดเจนเจาะจงไปยังกลุ่มผู้มีรายได้สูงบนยอดพีระมิด แต่ส่วนฐานรากซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่ได้เติบโตไปพร้อมกันอย่างที่ควรจะเป็น สุดท้ายภาพรวมเศรษฐกิจจึงไม่อาจดีขึ้นเพียงพอจะทำให้ประเทศก้าวพ้นหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางไปได้
จากงานวิจัยของ Asian Development Bank Institute เรื่อง INEQUALITY, AGING, AND THE MIDDLE INCOME TRAP พบข้อมูลที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำต่ำ มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากกลุ่มประเทศกับดักรายได้ปานกลางได้ดีกว่าประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง
โดยจากการสำรวจ 199 ประเทศ พบว่าประเทศที่พ้นจากกับดักรายได้ปานกลางแล้ว หรือมีรายได้สูงทั้ง 57 ประเทศ ทั้งหมดเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเหลื่่อมล้ำต่ำ ขณะที่กลุ่มประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางนานเกิน 50 ปี พบว่าเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงกว่าประเทศที่มีรายได้สูงอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ความเหลื่อมล้ำยังส่งผลกระทบในมิติด้านเศรษฐกิจอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากงานวิจัยของ International Monetary Fund (IMF) เรื่อง Inequality and Unsustainable Growth: Two Sides of the Same Coin? พบว่าความเหลื่อมล้ำส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้น หมายความว่าเศรษฐกิจที่เหลื่อมล้ำจะเติบโตในระยะสั้น เร็วกว่าเศรษฐกิจที่มีความเท่าเทียม แต่ในระยะยาวสังคมที่มีความเท่าเทียม จะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ดีกว่า
ดังนั้น ในระยะยาวนโยบายทางเศรษฐกิจที่ดีควรจะต้องส่งเสริมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ เช่น การพัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจแก่คนยากจน หรือนโยบายตลาดแรงงานที่ส่งเสริมการจ้างงาน
อีกด้านหนึ่ง ความเหลื่อมล้ำยังส่งผลต่อ ‘หนี้ครัวเรือน’ เชื่อมต่อไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจอีกด้วย จากงานวิจัยของ International Monetary Fund (IMF) เรื่อง Inequality, Leverage and Crises พบข้อมูลว่า ความเหลื่อมล้ำทำให้ครอบครัวชนชั้นกลาง และครอบครัวยากจน มีหนี้เพิ่มสูงขึ้น และเมื่อมีหนี้เพิ่มสูงขึ้นในภาพรวมก็ทำให้โอกาสเกิดวิกฤตเศรษฐกิจมีมากขึ้นตามไปด้วย
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/10/21.jpg)
ยิ่งเหลื่อมล้ำ อาชญากรรมยิ่งสูง
ไม่เพียงแค่ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ในมิติทางสังคม ‘อาชญากรรม’ ก็ถือเป็นอีกผลพวงจากความเหลื่อมล้ำที่ส่งผลเกี่ยวเนื่องกันไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบทางตรงหรือทางอ้อม โดยในมุมมองของนักสังคมวิทยา วิเคราะห์ว่า สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง จะไม่สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันอาชญากรรมได้เพียงพอ
หรือหากจะมองในมุมการประกอบอาชีพหารายได้ ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง คนบางกลุ่มจะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งงานได้น้อยกว่าคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดอ่อนทำให้คนที่เข้าไม่ถึงแหล่งงาน ไม่สามารถหารายได้ หาเลี้ยงครอบครัว เมื่อไร้หนทางหาเลี้ยงชีพ หลายคนก็อาจต้องเลือกเดินไปสู่เส้นทางที่ไม่ถูกต้องเพื่อความอยู่รอด
สอดรับกับงานวิจัย Income inequality, trust and homicide in 33 countries ซึ่งทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ความเชื่อใจ (Trust) และ การใช้จ่ายภาครัฐในด้านสาธารณสุขและการศึกษา พบข้อมูลว่า ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับ ความแตกต่างของอัตราฆาตกรรมระหว่างประเทศต่าง ๆ ภายในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงและรายได้ปานกลาง โดยความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สามารถอธิบายความแปรปรวน (Variance) หรือความแตกต่างของฆาตกรรมได้ถึง 64%
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ความสัมพันธ์ระหว่างความเหลื่อมล้ำทางรายได้และการฆาตกรรม สามารถถูกบรรเทาลงได้ด้วยความเชื่อใจ (Trust) แต่ไม่สามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้จ่ายภาครัฐในด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษา
เท่ากับว่าหากการแก้ปัญหาเรื่องการฆาตกรรมให้เกิดประสิทธิภาพ ควรจะต้องให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ มากกว่าการทุ่มงบประมาณด้านสาธารณสุข และการศึกษา ซึ่งไม่ได้ช่วยคลี่คลายปัญหาเรื่องฆาตกรรมอย่างที่คาดหวัง
หากย้อนกลับมาดูข้อมูลของไทยจะพบว่า สถิติคดีอาญาเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ ที่ได้รับแจ้ง มีแนวโน้มที่ลดลง จากปี 2017 ที่อยู่ที่ 30 คดี ต่อประชากร 100,000 คน และในปี 2020 อยู่ที่ 22 คดี ต่อประชาชน 100,000 คน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/09/3-1.jpg)
ผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพ
ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง ประชากรจะมีปัญหาสุขภาวะเพิ่มขึ้น
แม้แต่มิติของ ‘สุขภาพ’ ก็ยังพบความเชื่อมโยงกับปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยพบว่าประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง จะมีประชากรที่มีปัญหาสุขภาพมากกว่าประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำต่ำ
จากงานวิจัย Income inequality, mortality, and self rated health: meta-analysis of multilevel studies ได้ทำ Meta-analysis ศึกษางานวิจัยต่าง ๆ ที่มีข้อมูลรายได้ของปัจเจกบุคคลและข้อมูลการกระจายรายได้ของหน่วยพื้นที่ที่บุคคลนั้นอยู่ ประกอบกับข้อมูลการเสียชีวิต แบบ Cohort Studies (การศึกษาที่ติดตามกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งข้ามช่วงเวลา) หรือประกอบกับข้อมูลสุขภาพที่รายงานเอง (Self Reported Health) แบบ Cross Sectional Studies (การศึกษาที่พิจารณาข้อมูลจากประชากร ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง) รวม 59,509,857 คน จาก Cohort Studies 9 ชิ้น และ 1,280,211 คน จาก Cross Sectional Studies 19 ชิ้น
พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ส่งผลลบระดับปานกลางต่อสุขภาวะ กล่าวคือ เมื่อ Gini Index เพิ่มขึ้นทุก 0.05 % จะมีผลไปเพิ่มความเสี่ยงของความตายเกินปรกติ หรือ Excess Deaths 8% (Excess Deaths หรือ Excess Mortality เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในระบาดวิทยาและการสาธารณสุข หมายถึงจำนวนการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีวิกฤต และสูงกว่าจำนวนที่ควรจะเกิดขึ้นภายใต้สภาวการณ์ปรกติ)
โดย ‘ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้’ จะเริ่มส่งผลกระทบกับ ‘สุขภาวะ’ ก็ต่อเมื่อระดับ Gini Index เท่ากับหรือมากกว่า 0.3 ขึ้นไป
หากพิจารณาจากกราฟ จะเห็นว่าประเทศเม็กซิโก ที่มีความเหลื่อมล้ำค่อนข้างสูง มีความตายเกินปรกติ ถึง 425,759 คน แตกต่างจากประเทศ ไอร์แลนด์ ที่มีความเหลื่อมต่ำ ซึ่งพบว่าไม่มีความตายเกินปรกติ
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/09/4-1.jpg)
Lost Einstein ความสูญเสียทั้งโอกาสและมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาเป็นอีกประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังสนใจและหันมาให้ความสนใจเพราะส่งผลกระทบกับเด็ก ๆ ที่ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ หากเด็กกลุ่มนี้ต้องหลุดจากระบบการศึกษา ย่อมเกิดความเสียหายกับประเทศในระยะยาว
โดยเฉพาะกับ ‘เด็กช้างเผือก’ ที่มีความรู้ความสามารถ แต่ด้วยฐานะทางบ้านหรือข้อจำกัด อุปสรรคในมิติอื่น ๆ ทำให้พวกเขาไม่ได้เรียนต่อ สุดท้ายย่อมกลายเป็นความสูญเสียทั้งต่อตัวเด็กเองและภาพรวมของประเทศ
เยาวชนที่มาจากครอบครัวรายได้น้อย 25% ล่างสุดของประเทศ มีกลุ่มเด็กช้างเผือก (Resilient Student) อยู่ราว 3.3% หรือคิดเป็นจำนวนราว 6,111 คน โดยพวกเขามีความรู้ความสามารถที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเยาวชนหัวกะทิในกลุ่มที่มาจากครอบครัวรายได้สูง 25% สูงสุด
ข้อมูลจาก OECD พบว่า 80% ของเด็กช้างเผือกเหล่านี้ มีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา และหลายคนมองไปถึงการศึกษาในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี
แต่เยาวชนจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่สุดในกลุ่ม 20% ล่างสุด มีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงกว่าชั้นมัธยมปลายเพียง 5% คิดสัดส่วนแล้วถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่า ที่ 32% หมายถึงช่องว่างของโอกาสทางการศึกษาที่แตกต่างกันถึง 6 เท่า
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/09/5-1.jpg)
ก้าวไม่พ้นความจนข้ามรุ่น
ไม่เพียงแค่ขัดขวางทำให้การก้าวพ้นความจนข้ามรุ่นเป็นไปได้ยากแล้ว ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ยังเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ การขยับสถานะทางสังคมเป็นไปได้ยากด้วยเช่นกัน
เมื่อช่องว่างของความเหลื่อมล้ำถูกถ่างขยาย ‘โอกาส’ ของคนในสังคมก็ยิ่งแตกต่างกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร โอกาสทางการศึกษา โอกาสในการประกอบอาชีพ โอกาสทางด้านสาธารณสุข และโอกาสในมิติอื่น ๆ
วงจรที่เสียเปรียบตั้งแต่โอกาสทางการศึกษาในวัยเด็ก ส่งผลให้เด็กที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย ไม่อาจไปแข่งขันกับเด็กที่มีฐานะทางสังคมที่ดีกว่า สุดท้ายก็ทำให้เสียเปรียบต่อเนื่อง ทั้งแข่งขันหางานทำ การหารายได้เลี้ยงครอบครัว ทั้งหมดเป็นข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสถานะทางสังคมได้ยากในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำสูง
จากงานวิจัย เรื่อง Inequality from generation to generation: the United States in Comparison ศึกษาความเหลื่อมล้ำที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยคำนวณความยืดหยุ่นระหว่างรุ่นของรายได้ (Intergenerational Elasticity in Earnings หรือ Intergenerational Earnings Elasticity, IGEE) พบว่า ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ยิ่งสูง ความยืดหยุ่นของรายได้ระหว่างรุ่นยิ่งสูง และทำให้พลวัตทางสังคมยิ่งต่ำ
หมายความว่า ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง ลูกของพ่อแม่ที่มีรายได้น้อย จะประสบความสำเร็จได้ยากกว่าลูกของพ่อแม่ที่มีรายได้มาก
ทั้งหมดนี้ ป็นเพียงแค่ผลกระทบบางส่วน ที่เกี่ยวพันต่อเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำ ซึ่งในความเป็นจริงยังมีผลกระทบในอีกหลายมิติ ดังนั้น การให้ความสำคัญแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ สุดท้ายแล้วย่อมช่วยคลี่คลายบรรเทาผลกระทบจากปัญหาอื่น ๆ ตามไปด้วย
อ้างอิง
- INEQUALITY, AGING, AND THE MIDDLE INCOME TRAP
- Inequality and Unsustainable Growth: Two Sides of the Same Coin?
- Inequality, Leverage and Crises
- The Equality Trust works to improve the quality of life in the UK by dismantling structural inequalities.
- Income inequality, trust and homicide in 33 countries
- Income inequality, mortality, and self rated health: meta-analysis of multilevel studies
- The Lost Einstein หยุดวงจรสูญเสีย “เด็กช้างเผือก” เพราะความยากจน
- Inequality from generation to generation: the United States in Comparison
- Do Poor Children Become Poor Adults? Lessons from a Cross Country Comparison of Generational Earnings Mobility