ทุกๆ 1 นาที จะมีผู้เสียชีวิต 11 คนจากความหิวโหย สูงกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่มีสถิติ 7 คน/นาที เป็นข้อมูลจากรายงาน “The Hunger Virus Multiples” ของ องค์กรการกุศลของอังกฤษ อ๊อกซ์แฟม (Oxfam)
สอดรับกับข้อมูลของ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ระบุว่า ผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตอาหารแพงและขาดแคลนทั่วโลกมีมากถึง 1,800 ล้านคน และยังมีคนเป็นโรคขาดสารอาหาร หรือที่เรียกว่า โรคผอมแห้งอีกมากถึง 40 ล้านคน
นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของวิกฤต The Great (Food) Shortage หรือ ภาวะขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ในโลก
The Active ชวนพาทุกคนไปสำรวจมุมมองความคิดในหัวข้อ #ความมั่นคงทางอาหาร ที่สะท้อนผ่าน มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินครั้งที่15 “อาหารเป็นหนึ่งในโลก Food is First” ซึ่ง เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค.65
![อาหาร](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/03/220319-วิกฤตอาหาร-Main-2_021-1024x1024.jpg)
ธนวรรษ เทียนสิน อัครราชทูต (ฝ่ายเกษตร) และผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติด้านอาหาร และเกษตร ณ กรุงโรม (FAO/IFAD/WFP) เน้นย้ำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งการขจัดความยากจน และการมีอาหารที่พอเพียง โดยจำเป็นต้องเน้นการสร้างอาหารให้เกิดความมั่นคง ก่อนความมั่งคั่ง จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เพราะจะเห็นว่า การเกิดสงครามระหว่างประเทศ เช่นในรัสเซีย-ยูเครน ประชากรได้รับผลกระทบทั่วโลก จากราคาอาหาร น้ำมัน ที่พุ่งสูงขึ้น
“อียิปต์ ซึ่งถือเป็นประเทศเจริญมากว่า 5,000 ปี มีลุ่มน้ำไนล์สองข้างทางเป็นแหล่งปลูกพืช อาหาร และข้าว แต่วันนี้ ความเพิกเฉยของคน ที่ไม่ผลิตอาหาร ทำให้ปัจจุบัน อียิปต์ ต้องพึ่งพาข้าวสาลี จากยูเครน 60% พอเกิดสงคราม 60% ก็หายไป นี่เป็นเหตุผลให้เราต้องเร่งสร้างสมดุลใหม่”
การปฏิวัติเกษตร ที่นำโดยชาติตะวันตกนั้น ผลิตเก่ง แต่ทำลายล้างไปพร้อมกัน เพราะป่าหาย ดินเสื่อม น้ำขาดแคลน จึงถึงเวลาที่จะต้องปรับสมดุล ทำอย่างไรให้การผลิตอาหารในภาคเกษตร เป็นแบบยั่งยืนไม่ล้างผลาญ อยู่ได้แบบเท่าเทียมและปลอดภัย
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ เลขาธิการสหประชาชาติ เร่งให้ทั่วโลกหันมาปรับสมดุลใหม่ โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งทำให้เราเริ่มเห็นผู้นำหลายประเทศ พูดคำที่ได้ยินบ่อยอย่างคำว่า “ความพอเพียง” เพราะทุกประเทศขาดภูมิคุ้ม เวลาเกิดวิกฤตจึงไม่สามารถรับมือได้นั่นเอง
![อาจารย์ยักษ์](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/03/220319-วิกฤตอาหาร-Main-2_03-1024x1024.jpg)
สอดคล้องกับ อ.ยักษ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร แม่ทัพใหญ่กสิกรรมธรรมชาติ ที่หยิบยกเอาพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวง ร.9) ตอนหนึ่งว่า “…ประเทศของเราเป็นประเทศที่มั่นคั่งอุดมสมบูรณ์ และอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ หากมีการต่อสู้แย่งชิงเกิดขึ้นในโลก ใครๆ ก็อยากได้ประเทศนี้ และโลกก็มักจะมีการต่อสู้แย่งชิงกันอยู่เสมอๆ (ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม) ประเทศของเราจะยังยืนอยู่ที่นี่ จะยืดหยัดอยู่เพื่อประโยชน์ของคนทั้งโลก…”
อ.ยักษ์ เล่าต่อว่า ในหลวง ร.9 ทรงเตือนให้สร้างอาหาร และพระราชทานเกษตรทฤษฎีใหม่ รวมถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเน้นให้ทำอย่างพออยู่-พอกิน ด้วยเชื่อว่า หากประชาชนของพระองค์พออยู่พอกิน จะนำไปสู่การสร้างระบบสังคมทีเข้มแข็งได้เอง
ทำให้อ.ยักษ์เดินหน้าสร้างรูปธรรมหนึ่งเกิดขึ้นที่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ จ.ชลบุรี จากผืนดินเดิมที่แห้งแล้ง ปลูกอะไรไม่ขึ้น กลายมาเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยลูกศิษย์รุ่นต่อรุ่น มาเก็บเกี่ยวเรียนรู้วิชาการพึ่งพาตัว และการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับแผ่นดิน โดยอาจารย์เริ่มต้นปลูกต้นไม้ บำรุงดินที่นี่ครั้งแรกในปี 2526 ด้วยเชื่อว่านี่จะเป็นทางรอด กอบกู้วิกฤตสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงทางอาหารรับมือกับวิกฤตรอบด้านของโลก
“มนุษย์ต้องลดความต้องการตัวเองลง เร่งสร้างให้มากขึ้น เรายิ่งทำงานเคลื่อนไหว ไปที่ไหน ต้นไม้ต้องเกิดให้มากที่สุด น้ำฝนต้องถูกเก็บ ดินต้องกลับมาสมบูรณ์ ออกซิเจนต้องเพิ่มขึ้นให้มากที่สุด
เมื่อผืนดินอุดมสมบูรณ์ เมื่อนั้นมนุษย์จะไม่ขาดแคลนอาหารเลย ถ้าผลิตพืชตามที่ตลาดต้องการแลกเงิน นั่นคือ ทฤษฎีเก่า การเกษตรแบบนี้มันเป็นเกษตรแบบ Insanity (วิกลจริต)ถ้าต้องการจะสร้างอาหารให้เพื่อนมนุษย์ ต้องเริ่มจากข้าวข้าวเป็นอาหารที่ต้องแจกกันกิน ไม่ใช่สินค้าอาหารการกินเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด”
![โจน จันใด](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/03/220319-วิกฤตอาหาร-Main-2_04-1024x1024.jpg)
โจน จันใด ศูนย์พันพรรณ ระบุว่า คนเริ่มเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า “อาหารเป็นหนึ่งในโลกได้อย่างไร” เพราะเริ่มเจอกับวิกฤตที่หนักมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยชวนมองสถานการณ์ยูเครนและอีกหลายประทศที่กำลังเผชิญหน้ากับความอดอยากขนาดแคลน พร้อมตั้งคำถามว่า เราอยู่ในโลกที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด แต่ทำไมวันนี้ผู้คนจึงต้องต่อคิวรอ ขนมปัง ขณะที่ประเทศเจริญแล้ว ก็ยังมีผู้คนอดอยาก และขาดแคลน ขณะเดียวกันก็เป็นน่าเศร้าที่หลายประเทศต้องกินเนื้อ แกง ที่อัดกันอยู่ในกระป๋อง สะท้อนว่าคนเราไม่มีทางเลือกที่จะได้กินอาหารดีๆ อาหารสดๆ และหลากหลายได้เลย
“เราอยู่ในโลกที่มีอาหารเยอะ แต่ไม่มีอาหารกิน อาหารที่เรากินน้อยชนิดลง แต่ปริมาณมากขึ้น
คนในเมืองแท้ๆ มีเงิน มีทอง มีอาหาร แต่สิ่งที่กินคือ สารอาหารแบบเดิมซ้ำๆ ซากๆเรากำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์ที่ฉลาดมีความสุข กลายเป็น หุ่นยนต์ที่ไม่ต้องคิดอะไร ถูกฝึกให้กินรสชาติเดียว”อะไรทำให้เราเห็นว่า อาหาร เป็นสิ่งท้ายๆ ที่จะนึกถึง แต่เงินทองมาเป็นอันดับ 1 …ผมว่า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้แล้วที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ความร่ำรวยเราเข้าถึงได้ไม่กี่คน…”
โจน จันใด ทิ้งท้าย ว่าเราอาจจะตื่นเต้นกับการผลิต เร่งให้ได้จำนวนมาก แต่การพัฒนาอาหารกลับลืมนึกถึงต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนที่ไม่ใช่ตัวเงิน ว่าต้องสูญเสียทรัพยากรไปอย่างมากมาย เช่นการถางป่าจำนวนมากเพื่อปลูกข้าวโพด เป็นตัวอย่างการผลักภาระต้นทุนให้เกษตรกร พร้อมย้ำว่า เมืองไทยมีโอกาสจะเป็นมหาอำนาจด้านความมั่นคงทางอาหาร หากเราย้อนกลับมาสร้าง ความหลากหลายทางพันธุ์กรรม ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด และทุกคนทำได้
โลกไม่ขาดแคลนอาหารที่ดี โลกขาดแคลนความคิดที่ดีในการจัดการอาหารต่างหาก การจัดการอาหารของเรามีปัญหา การที่ประเทศไทยจะกลับมาตั้งตัวเป็นมหาอำนาจทางอาหารไม่ยาก เพียงต้องมาจัดระบบใหม่ ทำให้คนทำเกษตรอินทรีย์มีพื้นที่ยืนในตลาดให้ได้
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/03/220319-วิกฤตอาหาร-Main-2_051.jpg)
อ.เดชา ศิริภัทร มูลนิธิข้าวขวัญ ชวนตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศไทยติดอันดับโลกการส่งออกข้าว แต่ชาวนายังยากจนรุ่นสู่รุ่น ไม่สามารถก้าวข้ามความจนและภาวะหนี้สินได้ เหมือนวลีที่ว่า “ทำนาปรัง มีแต่ซังกับหนี้ ทำนาปี มีแต่หนี้กับซัง…” เพราะไม่รู้ว่าตกเป็นเครื่องมือของเครือข่ายควบคุมการผลิตการเกษตรสมัยใหม่ อาหารจึงเป็นการผลิตที่บริษัทได้ประโยชน์มากที่สุด มีการควบรวม ผูกขาดกลายเป็นวงจรสารเคมีทางการเกษตร ที่ปนเปื้อนมาสู่ผู้บริโภคอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ต่อสู้ยาก ตราบใดที่ผู้บริโภค และเกษตรกรยังยอมตกเป็นเหยื่อ…
ประเทศไทยมีของดี อุดมสมบูรณ์ อย่าให้เหมือน วลี “ใกล้เกลือกินด่าง ไก่ได้พลอย” คือ มีของดี มีทรัพย์อุดมสมบูรณ์แต่ละเลย อยู่กับสิ่งมีคุณค่า แต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพราะขาดปัญญา
ฝากไปถึงทั้งภาครัฐ ผู้ผลิต เกษตรกร และผู้บริโภคให้ตระหนักถึงการมีของดีอยู่มือ ใช้ให้ครบและอย่าละเลยด้วยการนำของที่ไม่ดีเข้ามาในประเทศ… ข้าวเปลือก คือทรัพย์สำคัญที่สามารถเป็นอาหาร และสร้างผลผลิตได้ ให้น้อมนำศาสตร์พระราชา มาลงมือทำให้เกิดรูปธรรม เพราะวิกฤตไม่ได้เกิดครั้งเดียว จากนี้จะต้องเห็นปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ อีกแน่นอน