คุณยอมจ่ายเงินเท่าไร เพื่อซื้อเวลาในชีวิตกลับคืนมา …
เราไม่ได้พูดถึงภาพยนตร์ไซไฟ หรือนิยายวิทยาศาสตร์ แต่หมายความถึง การจ้างงานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในปัจจุบัน ที่มีแทบทุกบริการเท่าที่เราจะนึกจินตนาการถึง เพียงกดปุ่มจ่าย ก็มีผู้รับงานซื้ออาหารมาส่งถึงมือ นำเอกสารไปส่งให้ถึงที่ มาทำความสะอาดให้ถึงบ้าน แค่จ่ายเงินก็ได้เวลาในชีวิตคืนมาอย่างมหาศาล จะกล่าวว่าธุรกิจแพลตฟอร์มเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนทั่วโลกไปอย่างสิ้นเชิงก็ไม่ผิดนัก
แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดที่ควรจะกล่าว เพราะธุรกิจที่ทำเงินนับหมื่นล้านต่อปีเหล่านี้ขับเคลื่อนไปได้ด้วยผู้คนนับหมื่นนับแสนที่ยอมขายเวลาแลกกับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม เดิมพันความฝันว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกับโอกาสที่อาจเจ็บไข้ พิการ เสียชีวิตโดยไร้สวัสดิการใดดูแล
ชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างไร ในเมื่อแต่ละวันที่เราต่างมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ต้นทุนในชีวิตมากน้อยแตกต่างกัน
สู้กับความไม่แน่นอน
‘แหวว’ – ‘ไพวัล เหล่าจั่น’ หญิงชาวอีสานผู้เข้ามาขายแรงงานในกรุงเทพฯ มากว่า 30 ปีแล้ว ยึดอาชีพแม่บ้านทำความสะอาดหาเลี้ยงครอบครัว จวบจนวันนี้ อายุ 46 ปี จากการเป็นพนักงานประจำก็ตกงาน เธอจึงผันตัวมาเป็น แม่บ้านรับจ้างออนไลน์ รับงานทำความสะอาดผ่านหลายบริษัทแพลตฟอร์มสลับกันไป เคยมีรายได้ต่อเดือนมากถึง 25,000 – 30,000 บาท แต่หลังจากโควิด 19 ระบาดยืดเยื้อนานนับปี เศรษฐกิจทุกระนาบหยุดชะงัก แหววรับค่าตอบแทนที่พออยู่ได้กับสามี ซึ่งทำงานเป็นคนงานรายวันประจำรถส่งของ
โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในโลกยุคปัจจุบันที่ขาดไม่ได้สำหรับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้บริการหรือผู้ให้บริการ โดยปกติแล้ว แหววจะตื่นแต่เช้ามานั่งรองานที่จะแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือที่หน้าบ้านเช่าในชุมชนบ้านกล้วย ย่านคลองเตย แต่ 3 เดือนมาแล้ว เธอไม่ได้ออกไปทำงาน เพราะในละแวกใกล้เคียงมีโควิด 19 ระบาดหนัก ทำให้แหววและสามีก็ติดเชื้อด้วยเช่นกัน
“ตอนที่แฟนบอกว่าติดเชื้อ โอ้โห…ขาอ่อนเลย มันพูดไม่ออกเลย”
“เรารีบไปตรวจ พอรู้ผลว่าตัวเองติดเชื้อ โทรไปหาแม่บอกว่าไม่อยากอยู่แล้ว จะฆ่าตัวตาย”
“แม่บอกมึงฆ่าตัวตายไม่ได้ ถ้าเป็นอะไรไปแล้วใครจะดูลูก”
“เราก็ติดเชื้อ แฟนก็ติด ทำงานไม่ได้ทั้งคู่ นาทีนั้นชีวิตตันไปหมด”
สุดท้าย แหววก็เลือกกัดฟันมีชีวิตอยู่ต่อไป หลังจากเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลสนามกว่า 1 เดือนจนหายดี สามีกลับไปทำงานแบกหามในตลาดแลกเงินค่าจ้างรายวัน วันละ 400 บาท แต่แหววก็ยังไม่มีงานทำ
“เจ้าของบ้านเขาไม่ลดค่าเช่าให้เลย เราไม่ได้ทำงานก็ไม่มีเงินจ่าย พอหายออกมาก็ต้องทยอยผ่อนเอา ผ่อนทีละ 200 ถึง 300 บาท เครียดมากเลย เป็นหนี้ร้อยละ 20 อยู่ 5,000 บาท ส่งดอกเบี้ยเดือนละพัน ตอนนี้ก็ยังไม่มีให้เขา ช่วงนี้กินประหยัดมีอะไรก็กินไปก่อน ชุมชนเขาบริจาคข้าวสาร มาม่า ปลากระป๋อง เราก็เก็บไว้กินบรรเทาไปก่อน”
![Platform workers](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/photo-essay-4-1024x569.jpg)
โดย “สถานะของการขายแรงออนไลน์” จะเป็นลูกจ้างแพลตฟอร์ม หรือเป็นพาร์ตเนอร์ของแฟลตฟอร์ม หรือจะนับว่าเป็นการรับจ้างทำของรายชิ้นหรือไม่ และถือเป็น “แรงงานนอกระบบ” หรือไม่ ก็ยังคลุมเครือเป็นคำถามอยู่
ปลายปี 2564 แรงงานนอกระบบในประเทศไทยถึง 20 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มีงานทำทั้งประเทศ 38 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวกว่า 9 ล้านคน เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ทำอาชีพค้าปลีกและบริการด้านอาหาร อาทิ พ่อค้าแม่ค้าตามร้านขายของชำ ร้านค้าออนไลน์ หาบเร่แผงลอย และพนักงานบริการในร้านอาหาร ซึ่งกว่า 60% มีอายุมากกว่า 40 ปี และมีการศึกษาต่ำกว่าหรือเท่ากับระดับมัธยมศึกษา จึงทำให้การปรับเปลี่ยนอาชีพทำได้อย่างจำกัด
ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แรงงานนอกระบบถือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบาง ทั้งจากรายได้ที่ต่ำและไม่แน่นอน ไม่มีสวัสดิการคุ้มครอง ออมเงินได้น้อยและมีปัญหาหนี้สิน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จึงได้รับผลกระทบมากกว่าแรงงานกลุ่มอื่น การแพร่ระบาดระลอกสองและอื่น ๆ ของโควิด 19 ทำให้ความเป็นอยู่ที่กำลังฟื้นตัวกลับแย่ลงกว่าเดิม
ข้อความแจ้งเตือนจากแอปลิเคชันแพลตฟอร์มแม่บ้านปรากฏขึ้น นับเป็นงานแรกของแหววหลังการกักตัวครบกำหนด เธอรีบเร่งหอบอุปกรณ์ทำความสะอาดฝ่าสายฝนไปรอรถเมล์อย่างมีความหวัง ฝนตกแดดออกก็ต้องไปทำมาหากิน
“ถ้าลูกค้าต้องการดูดฝุ่น เราก็ต้องหิ้วขึ้นรถเมล์ ทั้งเครื่องดูดฝุ่น ทั้งถัง ทั้งไม้ถู ลำบากยังไงก็ทนก็สู้ เพื่อครอบครัว”
“เคยถามลูกค้าว่าเขาจ่ายบริษัทไปเท่าไหร่ เขาบอกว่า จ่ายไปทั้งหมด 650 บาท แต่แม่บ้านได้แค่ 350 บาท ต่อมาจะเหลือแค่ 300 บาท”
“เราไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับทางบริษัทได้เลย พูดไม่ได้เพราะว่าเรายังต้องทำงานกับเขาอยู่” แหววขยายความต่อถึงเงื่อนไขการทำงานที่แตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม บางเจ้าโอนเงินให้ในวันรุ่งขึ้นหลังจากทำงานแล้ว บางเจ้าโอนภายในวันเดียวกัน ซึ่งแหววจำเป็นต้องลงทะเบียนไว้มากกว่า 1 แพลตฟอร์มเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และมีเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในแต่ละวัน
อุปกรณ์ทั้งหมดของแหวว – แม่บ้านออนไลน์ต้องลงทุนเอง รวมทั้งการพาตัวเองไปเกาะเกี่ยวกับทุกบริษัทแพลตฟอร์มความพยายามเหล่านี้ ก็ยังไม่มีหลักประกันรายได้ขั้นต่ำและหลักประกันทางการเงินให้เธอได้สะสมทุน นำไปสู่การค่ำประกันเงินกู้ต่อยอด
ช่างเปราะบางความฝันและความหวัง…
“เคยนึกนะ ทำงานไปเมื่อไหร่กูจะรวยสักที เมื่อไหร่กูจะมีบ้าน เราทำงาน เราสู้ชีวิตไปเรื่อย ๆ อยากจะทำบ้านก่อน เพราะถ้าเกิดว่าทำงานไม่ได้แล้วก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน ปีหน้า ถ้ามีงานเยอะขึ้นพี่ก็จะมีทยอยเก็บเงินไปทำบ้าน”
พี่แหววบรรยายถึงฟ้าหลังฝนที่เธอเฝ้าฝันว่าจะมาถึง
![Platform workers](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/photo-essay-2-1024x573.jpg)
สู้ท่ามกลางความเสี่ยง
ค่ำมืดแล้ว แต่บ้านหลังหนึ่งยังมีเด็กสองคนอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง แม่ของพวกเขายังไม่กลับบ้าน ยังคงติดภารกิจส่งอาหารมื้อเย็นให้ผู้คนในเมืองใหญ่ยังไม่เสร็จสิ้น เด็กทั้งสองคนจึงต้องคุยกับแม่ผ่านกล้องวงจรปิดไปพลางก่อน
“พอช่วงเย็นเด็กเขาจะเริ่มงอแง อยากออกไปขี่จักรยาน ออกไปเล่นกับเพื่อน เราเป็นห่วง ไม่อยากให้ออกไป มีหลายอย่างที่ต้องระวัง เพราะว่าคนรอบข้างเราไม่ใช่คนรู้จัก”
![Platform workers](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/photo-essay-8-1024x576.jpg)
‘มุก’ หรือ ‘มณฑิตา ประดิษฐพล’ แม่เลี้ยงเดี่ยวของลูกสองคน เธอหันมายึดอาชีพไรเดอร์ส่งอาหารอย่างเต็มตัว หลังจากเคยเป็นแม่ค้าในตลาดสด แต่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด 19 จนทำให้ต้องปิดกิจการ
“เผอิญเพิ่งออกมอเตอร์ไซค์มา ลองวิ่งงานควบคู่กันกับการขายของ เช้าวิ่งงาน เย็นก็ขายของ เจอโควิดรอบแรกก็เจ๊ง เริ่มขายของไม่ได้ จึงหันมาวิ่งงานเต็มตัว”
นอกจากรถมอเตอร์ไซค์และน้ำมันเป็นต้นทุนรายวันที่ต้องจ่ายเองเพื่อเข้าสู่อาชีพนี้ ทุกแพลตฟอร์มส่งอาหารยังกำหนดให้ลูกค้าต้อง “ซื้อ” เครื่องแบบและอุปกรณ์ด้วย ในมุมมองของมุข
“จริง ๆ บริษัทบังคับให้ต้องใส่เสื้อของแพลตฟอร์ม แต่อย่างหนูไม่ได้เก็บ intensive โบนัส ก้อนเพชร หรือพวกเงินพิเศษ ก็เลยเลือกไม่ใส่ เพราะว่าต้องเสียเงินซื้อตัวหนึ่งราคา 6-700 บาทก็ถือว่าแพง ไม่นับว่าต้องมีประเป๋าสำหรับรับและส่งอาหารให้ลูกค้า ก็ต้องเสียเงินซื้อมา อย่างหนูใช้ใบเล็กก็ราคาเริ่มต้น 400 บาท”
Rocket Media Lab สำรวจไรเดอร์ส่งอาหารในประเด็นต่าง ๆ ทั้งข้อมูลส่วนตัว การทำงาน สวัสดิการที่ต้องการ ฯลฯ ระหว่างเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2564 ในพื้นกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัด ศรีสะเกษ เชียงใหม่ พิษณุโลก สงขลา รวมทั้งหมด 1,136 คน พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า มีไรเดอร์ที่เพิ่งเริ่มทำงานอาชีพนี้เป็นเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี มากที่สุด คิดเป็น 40.92% คาดว่าเป็นผลพวงมาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในรอบเกือบสองปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนตกงานและพลัดหลงมาประกอบอาชีพไรเดอร์จำนวนมากขึ้น
โดยไรเดอร์ที่ทำงานส่งอาหารเป็นอาชีพหลักสูงถึง 59.44% และเป็นอาชีพเสริม 40.56%
ขณะเดียวกัน เกือบครึ่งของไรเดอร์มีรายได้ต่อเดือนราว 10,001 – 15,000 บาท
ผู้ที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือนมีเพียง 4.5% เท่านั้น
มุกเล่าถึงวิถีชีวิตในแต่ละวันที่ต้องดูแลลูกขณะเรียนออนไลน์ช่วงเช้า แล้วออกไปทำงานช่วงบ่าย วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง หารายได้แข่งกับเวลาหรือที่เรียกกันว่า “ทำรอบ” โดยเปิดรับงานแบบอัตโนมัติ รับหมดทุกงาน ไม่เลือกว่าใกล้หรือไกล
“ถ้าเราบิดรถออกไปพร้อมงานก็เท่ากับว่าเราได้เงินแล้วตอนที่เราบิดรถออกไป”
บางครั้งบางที สมาร์ตโฟนก็ร้อนจัดจนต้องหยุดพัก เนื่องจากเปิดใช้งานกลางแดดต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทั้งแอปพลิเคชันสำหรับรับงาน สลับกับแอปพลิเคชันกล้องวงจรปิดคอยสอดส่องดูแลลูกที่บ้าน
รายได้ที่เธอได้รับจากการออกไปทำงานในแต่ละวัน เมื่อก่อนได้ราคาดีกว่าปัจจุบัน จาก 20 กิโลเมตร ได้เงิน 200 บาท แต่ทุกวันนี้ได้เพียง 150-160 บาท เนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่มากขึ้น “บริษัทอื่นมีโปรโมชั่นลดราคา บริษัทเราก็ต้องลด ไม่งั้นลูกค้าก็ไปใช้บริษัทอื่น แต่ผลกระทบตกอยู่ที่ไรเดอร์ ค่ารอบเริ่มต้นจาก 60 บาท ลดมาเหลือ 50 บาท ลดอีกเป็น 40 บาท”
แต่ความไม่แน่นอนของรายได้ยังไม่เท่ากับความเสี่ยงบนท้องถนนซึ่งทำให้เสาหลักของบ้านอย่างมุกต้องห่วงหน้าพะวงหลังทุกครั้งที่ออกจากบ้าน สอดคล้องกับผลสำรวจจาก Rocket Media Lab แสดงให้เห็นว่า สวัสดิการที่ไรเดอร์ต้องการมากที่สุด 26.06% คือ ‘เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ’ เนื่องจากแต่ละแพลตฟอร์มกำหนดเกณฑ์ที่จะทำให้ไรเดอร์ได้รับสิทธิประกันอุบัติเหตุต่างกันไป ผ่านการกำหนดอายุงานและจำนวนรอบในการทำงาน ไรเดอร์หน้าใหม่ที่ประสบอุบัติเหตุจึงอาจไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ ทั้งที่ยังไม่สามารถตั้งตัวได้
“ไรเดอร์เป็นอะไรที่หาเงินง่ายที่สุดแล้ว แต่ก็เสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุ”
“หนูวิ่งงานสองสามเดือนแรกก็รถชน ต้องเย็บที่ปาก ใส่เฝือกอ่อนที่แขน หยุดงานไปเป็นเดือน ทางบริษัทบอกว่า เราต้องรับค่าชดเชยจากประกันของรถยนต์ก่อนถึงจะมาใช้สิทธิ์ประกันของบริษัทต่อได้ ต้องสำรองเงินออกไปก่อนแล้วค่อยมาเบิกกับทางบริษัท แต่เราไม่มีเงินที่จะสำรองเยอะขนาดนั้น” มุกเล่าถึงประสบการณ์ที่ต้องแบกรับความเสี่ยงบนท้องถนนเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการทำงาน
ดังนั้น สวัสดิการที่ไรเดอร์ต้องการรองลงมาคิดเป็น 16.19% ก็คือเป็นลูกจ้างแทนการเป็นพาร์ทเนอร์ซึ่งหมายถึงสวัสดิการที่มากขึ้นและการคุ้มครองสิทธิต่างๆตามกฎหมายตามมาด้วยประกันสุขภาพ 13.38% ประกันรายได้ขั้นต่ำรายวัน 12.06%
“อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง อยากมีรถยนต์เป็นของตัวเอง โดยที่ชีวิตเราไม่ต้องมาดิ้นรนเหนื่อยขนาดนี้ ไม่ต้องมาแบบทำงาน 10 ชั่วโมง 12 ชั่วโมงแล้วต้องกลับบ้านไปเลี้ยงลูกอย่างนี้ ความรู้สึกหนู ก็เหมือนคนจนทั่วไปเลยค่ะ เมื่อไหร่กูจะถูกรางวัลที่ 1 สักที เมื่อไหร่จะได้เงินก้อนนี้สักที”
ถึงจุดนี้ มุกเสียงสั่นเครือเล่าว่า บ้านหลังนี้เป็นของน้องสาวที่ยอมให้มาอยู่ด้วย เธอพยายามจะกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน แต่อาชีพแรงงานแพลตฟอร์ม ‘ไม่มั่นคง’ ไม่มีหลักประกันรายได้ขั้นต่ำ บริษัทไม่มีเอกสารยืนยันสถานะการทำงาน ให้เป็นหลักฐานการเงินเพื่อค้ำยันการกู้เงินหรือทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ เลย
มุกย้ำว่าต่อให้บางวันไม่ได้ค่าแรงขั้นต่ำ หรือมีรายได้ไม่พอ อย่างน้อยที่สุด ขอแค่กลับบ้านไปเจอหน้าลูกทุกวัน
“การมีบ้านของตัวเองก็ยังเป็นความฝัน เราถึงได้เรียกร้องขอสวัสดิการ อย่างน้อยถ้าเราตาย หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ มีเงินสักก้อนหนึ่งรองรับลูกเรา หรือตัวเรา ให้ไม่ลำบากไปสักช่วงเวลาหนึ่ง”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/12/photo-essay-5-1024x531.jpg)
สู้เพื่อสิทธิพึงมีพึงได้
แม้แรงงานแพลตฟอร์มจะเป็นแรงงานแห่งอนาคต แต่เปราะบางความฝันและความหวังยิ่งนัก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าตลอดปี 2564 ในประเทศไทยมีการสั่งอาหารดิลิเวอรีไม่ต่ำกว่า 120 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนเกิดโควิด 19 เกิดแพลตฟอร์มดิลิเวอรีเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ขึ้นมากมายทั้งในระดับประเทศและในระดับท้องถิ่น ทว่า ภาพรวมที่เติบโตขึ้นกลับไม่ทำให้พนักงานส่งอาหารเหล่านั้นได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย
เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ทำให้คนตกงานอย่างกะทันหันต้องเร่งหางานใหม่มาจุนเจือครอบครัว ทำให้จำนวนไรเดอร์เพิ่มมากขึ้นจนแพลตฟอร์มไม่ต้องกังวลเรื่องการเอาใจแรงงาน เพราะเมื่อมีคนไม่พอใจ หรือลุกขึ้นมาเรียกร้อง ก็สามารถปิดระบบ แล้วเปิดรับคนใหม่ได้ทันที ประกอบกับการมุ่งแข่งขันเรื่องค่าบริการที่ถูกลง ทำให้ค่าตอบแทนของไรเดอร์ลดลง และอาจมีการลงโทษไรเดอร์กรณีแย่งกันรับงานหรือปฏิเสธการรับงาน หรือส่งงานไม่เรียบร้อย โดยไม่อาจโต้เถียงได้
วันที่ 3 ธันวาคม 2563 ‘พรเทพ ชัชวาลอมรกุล’ ตัวแทนกลุ่ม “ไรเดอร์” เข้าพบคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน และตัวแทนจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องสวัสดิการที่เป็นธรรม ของแรงงานแพลตฟอร์มที่ปราศจากการดูและและคุ้มครองที่เป็นธรรมในทางกฎหมาย
แต่ความเคลื่อนไหวของเหล่าไรเดอร์ไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะในปี 2564 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจที่ชื่อว่า “สหภาพไรเดอร์ (Freedom Rider Union)” รายงานการหยุดงานประท้วงของไรเดอร์ส่งอาหารในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องค่าแรงที่เป็นธรรมและสวัสดิการที่พวกเขาคิดว่าควรจะได้รับจากแพลตฟอร์มที่ทำเงินปีละหลายหมื่นล้าน
จากปัญหาตั้งต้นคือความไม่ชัดเจนเรื่องสถานะ สู่ปัญหาเรื่องค่าแรง หลักประกันรายได้ขั้นต่ำ และสวัสดิการที่ไม่เป็นธรรมต่อคนทำงานที่กล่าวมา ‘เกรียงศักดิ์ ธีระโกวิทขจร’ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันแรงงานและเศรษฐกิจที่เป็นธรรม (Just Economy and Labour Institute; JELI) เสนอทางออกที่ควรจะเป็น คือ การสร้างกรอบกฎหมายแบบใหม่และดุลอำนาจความสัมพันธ์ระหว่างแพลตฟอร์มกับไรเดอร์ขึ้นใหม่ ในเมื่อกฎหมายเดิมก่อนที่โลกจะถูก Disrupt ด้วยธุรกิจแพลตฟอร์ม ไม่อาจรองรับความซับซ้อนและยืดหยุ่นของระบบแรงงานในโลกยุคใหม่ รวมถึงรายละเอียดของงานในแต่ละแพลตฟอร์มซึ่งแตกต่างกัน ไรเดอร์ส่งอาหาร ไรเดอร์ส่งเอกสาร ช่างซ่อมอุปกรณ์ภายในบ้าน แม่บ้านทำความสะอาด ฯลฯ ล้วนแต่มีวิธีการทำงานไม่เหมือนกัน บางรูปแบบอาจยืดหยุ่นทำงานได้กับหลายแพลตฟอร์มมากกว่าอีกรูปแบบ ความรับผิดชอบที่แพลตฟอร์มจะต้องมีต่อคนงานก็อาจไม่จำเป็นต้องเท่ากัน
แต่แน่นอนว่าจะต้องเป็นธรรมต่อคนทำงานทุกคน
ในแวดวงวิชาการ มีข้อถกเถียงกันหลายปี ว่า Gig Economy มีหลายประเภท และการทำงานครั้งเดียวแล้วจบ มักถูกบอกว่าเป็นอาชีพอิสระ จึงไม่มีข้อตกลงการจ้างงาน ดังนั้น ความสัมพันธ์กับบริษัทแพลตฟอร์มกับคนทำงาน จะถือว่าเป็นนายจ้าง – ลูกจ้างหรือไม่ หรือจะยอมรับความสัมพันธ์เชิงอำนาจใหม่ดังที่บริษัทพยายามกำหนดให้เป็นพาร์ทเนอร์ “หุ้นส่วน” ระหว่างกัน แต่ความสัมพันธ์เช่นนี้เท่าเทียม เป็นธรรม และคนทำงานต่อรองกับแพลตฟอร์ม ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายหรือไม่ ประสบการณ์ของ “แหวว” และ “มุข” สะท้อนให้เห็น
“วิธีคิดแบบ Gig Economy เป็นการถ่ายโอนความเสี่ยงของกลุ่มทุนขนาดใหญ่มาที่คนตัวเล็กตัวน้อย ถ้าสังเกตดี ๆ กลายเป็นว่าคนตัวเล็กตัวน้อยต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นแรงงานขับรถขนส่ง หรือผู้ให้บริการกลุ่มอื่น ๆ ทั้งที่จริงแล้ว แรงงานแพลตฟอร์มเป็นคนลงทุนเองหมดเลย โดยบริษัทแพลตฟอร์มไม่ได้ทำส่วนนี้ แต่ทำหน้าที่เป็นแค่ ‘จัดการ’ (Provider) ช่องทางการสื่อสารเท่านั้น”
“แรงงานแพลตฟอร์มจะเป็นอาชีพอิสระได้อย่างไร ในเมื่อบริษัทเข้าไปจัดการกระบวนการทำงานกำหนดต้องใส่ชุดฟอร์ม และสามารถลงโทษคนทำงานได้”
‘กฤษฎา ธีระโกศลพงศ์’ นักวิชาการอิสระด้านแรงงานและที่ปรึกษา กรรมาธิการแรงงาน ตั้งข้อสังเกตและยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ดังนี่หน่วยงานราชการ – กระทรวงแรงงานพยายามปฏิเสธการเข้ามามีบทบาทคานอำนาจการจ้างงานใหม่ให้เป็นธรรม เขาเห็นปัญหานี้มาไม่น้อยกว่า 4 ปี
“กลายเป็นว่าหน่วยงานภาครัฐไม่ได้ดำเนินการอะไร ในแง่ของความที่เป็นรูปประธรรมเลย และพยายามจะผลักดันออกไปว่า แรงงานแพลตฟอร์มเป็นการรับจ้างทำของ อย่างเช่น คนขับรถขนส่ง มองเขาเป็นรับจ้างทำของเพื่อที่จะไม่เข้ากับ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน แต่ผลักให้ไปเข้ากับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือการผลักภาระความรับผิดชอบให้เป็นแรงงานแพลตฟอร์มเป็น Informal worker หรือ ‘แรงงานนอกระบบ’”
นั่นหมายความมว่า คนงานจะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ตามมาตรา 33 , 39, 40 โดยบริษัทและรัฐไม่ต้องรับผิดชอบพวกเขา และผู้บริโภคที่ได้ประโยชน์จากแรงงานเหล่านี้ก็ไม่ได้คำนึงถึงเช่นกัน และทางกระทรวงแรงงานพยายามผลักดันเรื่อง (ร่าง) พระราชบัญญัติส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. …. ซึ่งผ่าน ครม. รอบแรกแล้ว พยายามให้คนกลุ่มนี้เข้ามาอยู่ในแรงงานนอกระบบ คือทางภาครัฐไม่ยอมใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานกลุ่มนี้ที่มีความซับซ้อนในการจ้างงาน
‘ศักดินา ฉัตรกุล’ นักวิจัยจากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งข้อสังเกตว่า กฎหมายส่วนใหญ่ของไทยขณะนี้อิงอยู่กับสภาพการจ้างงานของโลกในยุค 2.0 ที่ยังมองว่าคนส่วนใหญ่ยังอยู่ในสายพานการผลิต ทว่า สภาพบริบทสังคมไทยที่เป็นจริงอยู่ในยุค 4.0 แล้ว คนผละออกจากสายพานการผลิต มีลักษณะการทำงานเป็นการรับจ้างเหมาช่วง หรือ Outsource หลากหลายรูปแบบการจ้างงานมากขึ้น ซึ่งสภาพการจ้างงานเหล่านี้ ไม่ถูกพิจารณาในการร่างกฎหมายใหม่ และกฎหมายเก่าก็ไม่ได้ถูกทบทวนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ทำให้คนทำงานจำนวนมาก ทั้ง ‘พลัดหลง’ และ ‘หลุดรอด’ จากการคุ้มครองทางกฎหมาย
“เรามีกฎหมายแรงงานเพื่ออะไร?” หากไม่ใช่หลักประกันทางสังคมขั้นต่ำสุดให้กับคนงาน
ต้นปี 2564 ศาลฎีกาสหราชอาณาจักรมีมติให้คนขับรถของอูเบอร์ (Uber) ไม่ใช่พาร์ตเนอร์หรือลูกจ้างอิสระ มีสถานะเป็น “พนักงานบริษัท” (worker) เทียบเท่ากับพนักงานของบริษัท และมีสิทธิ์ในสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงาน บริษัทต้องประกาศจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ สวัสดิการบำนาญ และจ่ายเงินวันลาให้แก่คนขับอูเบอร์ทั่วประเทศ กว่าจะได้ข้อยุตินี้ใช้เวลาต่อสู้กินเวลา 5 ปี รวมทั้งสเปน อิตาลี และประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย พยายามต่อสู้เรื่องนี้ให้แรงงานแพลตฟอร์ม โดยอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายใหม่ขึ้นมาคุ้มครอง
“สำหรับประเทศไทย กฎหมายแรงงาน รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ซึ่งกระทบกับคนจำนวนมาก แต่กระบวนการร่างกฎหมายมักกระจุกอยู่กับคนส่วนน้อย เช่น ข้าราชการ ซึ่งเขามีความเข้าใจกับปัญหาที่ค่อนข้างจำกัด แต่การที่ให้คนที่เป็นเจ้าของปัญหาเข้ามา ‘มีส่วนร่วม’ ในการยกร่างกฎหมายด้วย ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก”
และข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น จากศักดินา คือ “ให้เป็นการจ้างงานที่ทำให้คนได้ประโยชน์เป็นการจ้างงานที่ดีมีความยุติธรรมที่สามารถที่จะทำให้ชีวิตของคนงานเป็นไปได้แล้วก็กิจการต่างๆสามารถไปได้ผู้ประกอบการไปได้เศรษฐกิจโดยรวมไปได้”
พร้อมยกตัวอย่างข้อเสนอ “Fair Work” ที่ สถาบันแรงงานและเศรษฐกิจที่เป็นธรรมหนึ่งในผู้ร่วมพัฒนาข้อเสนอนี้กับมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด (Oxford) มีกรอบในการพิจารณา 5 ด้าน คือ
- Fair Pay การได้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
- Fair Condition การมีความปลอดภัยในสวัสดิการ หรือเงื่อนไขสภาพการจ้างที่ดี มีความปลอดภัยในการทำงาน มีสวัสดิการ
- Fair Agreement มีข้อตกลงที่เป็นธรรมกับคนทำงานทั้ง 2 ส่วน ทั้งนายจ้างและส่วนที่รับจ้างทำ
- Fair Management การบริหารจัดการที่มีความยุติธรรม ขณะนี้ บริษัทแพลตฟอร์ม เริ่มใช้ AI มาเป็นตัวบริหารจัดการ ซึ่งพบว่า นอกจากไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งยังทำให้คนต้องทำงานอย่างหนัก
- Fair Representation การที่ให้คนมีสิทธิ์มีเสียงรวมตัวได้ เจรจาต่อรองได้ เหมือนกับส่วนอื่น ๆ
ศักดินา ย้ำว่า ประเทศไทยยังไม่ใช่รัฐสวัสดิการ และไม่ให้อำนาจในการรวมกลุ่มของคนงาน ก็ต้องมีกฎหมายที่มีคุณภาพเป็นหลักประกันทางสังคมขั้นต่ำสุด อย่ายอมให้รัฐมากำหนดว่าเป็นแรงงานนอกระบบ
มิฉะนั้น แรงงานแพลตฟอร์ม ที่คนพลัดหลงเข้ามาด้วยความหวังว่าจะเป็นแรงงานแห่งอนาคต
แรงงานแพลตฟอร์มจะเปราะบางความฝันและความหวังมากกว่าใคร
อ้างอิง
- การัณยภาส ภู่ยงยุทธ์. ไรเดอร์ทุกแห่งหนจงรวมตัวกัน: บทสัมภาษณ์สหายจากสหภาพไรเดอร์. ดินแดง. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
- ภาวิณี คงฤทธิ์.ถึงเวลาปฏิรูปเศรษฐกิจแพลตฟอร์มให้เป็นธรรมต่อแรงงาน กับ เกรียงศักดิ์ ธีระโกวิทขจร. 101World. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
- มณฑลี กปิลกาญจน์ และวันใหม่ นนท์ฐิติพงศ์. แรงงานนอกระบบ: ผลกระทบและความท้าทายในยุค COVID-19. ธนาคารแห่งประเทศไทย. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
- ร็อกเกต มีเดีย แล็บ.ไรเดอร์ไทย เป็นอยู่ยังไง อยากได้อะไรบ้าง. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
- ร็อกเกต มีเดีย แล็บ.ข้อมูลแบบสำรวจไรเดอร์ส่งอาหาร มี.ค.-ก.ค.2564. เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564.
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. โควิด-19 และมาตรการควบคุมการระบาด…คาดทั้งปี 2564 มูลค่าตลาดจัดส่งอาหารขยายตัวร้อยละ 18.4 – 24.4. ในกระแสทรรศน์ ฉบับที่ 3256. 2564.
- ‘Uber’ ในอังกฤษ ยกระดับ ‘คนขับ’ เป็นพนักงานประจำตามคำสั่งศาล ยอมจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ ให้วันลา และสวัสดิการบำนาญ. THE STANDARD. วันที่ 18 มีนาคม 2564.
- กฎหมายและระบบสวัสดิการ แรงงานแพลตฟอร์ม. The Active Podcast EP.43. วันที่ 25 กรกฎาคม 2564.
- กฎหมายเพื่อแรงงานแห่งอนาคต. The Active Podcast EP.45. วันที่ 8 สิงหาคม 2564.