ปรากฏการณ์เปิดหน้าชนระหว่าง “พรรคเพื่อไทย – ก้าวไกล” อาจไม่ใช่แค่สมมติฐานของสื่อมวลชนหลายสำนัก ที่วิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกัน หากแต่กลยุทธ์ในวันประชุมใหญ่ของทั้งสองพรรคการเมืองต่างมีนัยยะสำคัญ มุ่งขยายฐานเสียง “ล้ำเส้น” จุดแข็งของกันและกัน ทั้งในเชิงพื้นที่ และช่วงวัยคล้าย ๆ กัน
ทำเอานักวิเคราะห์การเมืองต้องจับตาท่าที 2 พรรคร่วม “ฝ่ายค้าน” กับความเคลื่อนไหวสำคัญในครั้งนี้
The Active รวบรวมปรากฏการณ์ เปรียบเทียบการเดินเกมการเมืองระหว่างพรรคใหญ่ – กลาง ที่แม้จะประกาศตัวว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” ไม่ต่างกัน แต่มีความได้เปรียบ เสียเปรียบเชิงการเมืองแตกต่างกัน ในมุมมองนักรัฐศาสตร์แล้ว มองว่า จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ยังต้องจับตาทุกแทบทุกพรรคที่เคลื่อนไหวขยายฐานเสียง โดยเฉพาะ “เพื่อไทย VS ก้าวไกล” ที่ดูจะมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ
รีแบรนด์ “พรรคเพื่อไทย” สร้างสมดุลคนหลากรุ่น
เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน สำหรับพรรคใหญ่เพื่อไทย ภายใต้แนวคิด “พรุ่งนี้เพื่อไทย ชีวิตใหม่ของประชาชน” จนหลายคนหลุดโฟกัสรายละเอียดเชิงนโยบายของพรรค และจับจ้องไปที่ตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม “อุ๊งอิ๊ง – แพทองธาร ชินวัตร” ที่ออกมาแบ่งรับแบ่งสู้ “แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เรื่องของอนาคต ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด…” โดยแสดงวิสัยทัศน์ผลักดัน นโยบายการศึกษา เทคโนโลยี และซอฟต์ พาวเวอร์
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/11/564000010933901.jpeg)
แม้วันเปิดตัว “ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม” ของพรรคเพื่อไทย จะชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย ไม่เน้นแตะประเด็นละเอียดอ่อน แต่เปิดกว้างทางความคิด และประกาศพร้อมอยู่เป็นเสาหลักเคียงข้างประชาชน ตามแนวพรรคเพื่อประชาธิปไตย
แต่หลังจากนั้นเพียง 3 วัน แถลงการณ์ต่อกรณีปัญหาการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116 กับนักเคลื่อนไหวและผู้เห็นต่างทางการเมือง ที่ยังคงมีผู้ถูกคุมขัง โดยเลือกระบุท้ายแถลงการณ์ด้วยชื่อของ “ชัยเกษม นิติสิริ” ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย นี่เป็นอีกความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา เพราะเกิดขึ้นหลังการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ราษฎร ที่ชูแคมเปญใหม่ “ราษฏรประสงค์ ยกเลิก 112” แทบจะทันที
- อ่านเพิ่ม “เพื่อไทย” รับลูก “ราษฎร” ดันแก้ ม.112
และยังเป็นพรรคแรก ๆ ที่มี ปรากฏการณ์คู่จิ้นทางการเมือง “พี่อิ่ม น้องน้ำ” หรือ ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ (อิ่ม) และ จิราพร สินธุไพร (น้ำ) กลายเป็นขวัญใจเด็ก ๆ บางกลุ่ม และอาจทำเอาคนรุ่นใหม่ใจสั่น เพราะเป็นการรีแบรนด์พรรคฯ จนแทบจะล้างภาพ “พรรคการเมืองนอมินี”
แม้จะเน้นฐานเสียงคนรุ่นใหม่ แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ทิ้งฐานเสียงเดิม เพราะมีกุนซือ อย่าง หมอเลี้ยบ – นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ร่วมผลักดันโปรเจกต์ด้านหลักประสุขภาพถ้วนหน้า “30 บาทรักษาทุกโรค” นั่ง ผอ.พรรคเพื่อไทย คนใหม่ ยิ่งเห็นความพยายาม เชื่อมต่อคนระหว่าง Generation ที่ชัดเจน และตอนนี้พรรคเพื่อไทยก็แทบจะไม่ต้องกังวลเรื่องการวางกลยุทธ์พรรคฯ ที่คู่ขนานกันได้ ทั้งในเชิงการเมือง และเชิงนโยบายที่ยังคงอุดมการณ์แก้ปัญหาการเมือง-เศรษฐกิจ-ปากท้อง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/11/249436863_862089661122403_1045803649136938973_n-1024x683.jpeg)
“พรรคก้าวไกล” เจาะถิ่นอีสาน-เปลี่ยนหัวใจคนใต้
พรรคก้าวไกล แม้จะเป็นพรรคขนาดกลาง แต่ก็ดูจะพยายามขยายฐานเสียงไปไกลกว่าแค่กลุ่มคนรุ่นใหม่ หลังหลายฝ่ายประเมินตรงกันว่า เป็นฐานเสียงสำคัญที่ผลักดันให้ผู้แทนของพรรคได้เข้าไปนั่งในสภา
การประชุมพรรคครั้งใหญ่ช่วงเดือนตุลาคม ประกาศปักธงอีสาน กับกระแสติดแฮชแท็ก “ก้าวไกล ไปนำแหน่” ติดเทรนด์ทวิตเตอร์
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/11/245968664_417307993234560_4587665613059240715_n-1024x682.jpeg)
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดปราศรัยจะเข้ามาแก้คำสาป “ห้ามพัฒนาประเทศ” โดยแก้ 3 ห่วงโซ่ที่พันธนาการประเทศไทย คือ ปัญหาการขาดเทคโนโลยี รัฐราชการรวมศูนย์ และกลุ่มผลประโยชน์เสือนอนกินที่ได้ประโยชน์จากความไม่เปลี่ยนแปลง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/11/245953850_417290239903002_8667228293962092134_n-1024x683.jpeg)
พร้อมมี รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ อย่าง “ศิริกัญญา ตันสกุล” ที่ออกมาเปิดตัวเลขความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา สวัสดิการ หนี้สิน ฯลฯ ที่คนอีสานต้องรับชะตากรรมจากโครงสร้างทางสังคมที่ถูกแช่แข็ง
และกุนซืออย่าง “เดชรัต สุขกำเนิด” ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) ของพรรคก้าวไกล อดีตนักเศรษฐศาสตร์ ที่เต็มไปด้วยฐานข้อมูล และงานวิจัยที่พร้อมจะสนับสนุนพรรคก้าวไกล
เช่นเดียวกับ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เป็นเหมือนมันสมองของพรรคตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เขาเกิดและเติบโตในจังหวัดสงขลา แสดงภาพตัวแทน “คนใต้” ที่เต็มไปด้วยความฝันที่จะพัฒนาภาคใต้ ทำให้ พิธา ใช้สโลแกนสำคัญลงพื้นที่ เอาใจคนใต้
“พรรคการเมืองอื่นอาจจะพยายามเอาชนะหัวใจของคนใต้ด้วยเรื่องของ อดีต
แต่สำหรับ พรรคก้าวไกล เราจะมาคุยกันด้วยเรื่องของ อนาคต
มาช่วยกัน เปลี่ยนใจคนใต้ ไปด้วยกัน…”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/11/245947274_417292989902727_3957332271544529299_n-1024x682.jpeg)
ผลสำรวจล่าสุด จาก สวนดุสิตโพล ที่สำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,186 คน ช่วงวันที่ 25-28 ตุลาคม 2564 พบว่า ประชาชนเลือกโหวต “พรรคเพื่อไทย เป็นอันดับ 1” ขณะที่เลือกโหวตให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จากพรรคก้าวไกล เป็น นายกรัฐมนตรี
และนี่คือความน่าสนใจของ 2 พรรค
วิเคราะห์ 2 พรรค ชูอุดมการณ์ “ฝ่ายประชาธิปไตย”
รศ.ยุทธพร อิสรชัย นักรัฐศาสตร์ มองปรากฏการณ์ทางสังคมครั้งนี้ โดยเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่าง 2 พรรคไว้ถึง 5 ประเด็น ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบทบาทของ “พรรคก้าวไกล เปรียบเหมือนทัพหน้า และพรรคเพื่อไทย ที่เปรียบเหมือนทัพหลวง” ที่ต่างประมาทซึ่งกันและกันไม่ได้
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/10/235749098_4195149400577110_1636168771066662425_n.jpg)
“เพื่อไทย และก้าวไกล” ถือว่า เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองในเชิงประชาธิปไตย ฐานเสียงคาบเกี่ยวกันสูง แต่การที่ “เพื่อไทย” มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นสัญลักษณ์ของพรรค ก็อาจจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถูกยุบพรรคได้ง่าย
ขณะที่ “ก้าวไกล” แม้จะลุยบุกฐานเสียงเจาะฐานภาคใต้และอีสาน แต่ไม่ง่าย เพราะเป็นถิ่นเพื่อไทยเดิม ที่มีนายทักษิณ นั่งในดวงใจพี่น้องชาวอีสานมาอย่างยาวนาน หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนเสื้อแดง
“ทิมพิธา เป็นคนรุ่นใหม่ มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย
แต่การเพิ่งเข้าสู่การเมือง ยังไม่มีผลงานชัดเจน ฝังรากลึกในภาคอีสานได้
จึงยังไม่สามารถแทนที่คุณทักษิณได้”
รศ.ยุทธพร อิสรชัย
5 ความต่าง “ก้าวไกล-ทัพหน้า VS เพื่อไทย-ทัพหลวง”
ถึงแม้ว่า 2 พรรคจะมีแนวทางประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่การจะควบรวมพรรค ก็ยังคงเป็นเรื่องยาก รศ.ยุทธพร วิเคราะห์ 5 ประเด็นความต่างของ 2 พรรค
พรรคก้าวไกล | พรรคเพื่อไทย | |
ที่มาและอุดมการณ์ | เกิดขึ้นจาก แนวคิดเชิงวิชาการ ขับเคลื่อนอุดมการณ์ประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ และ มุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม | มุ่งนโยบายทางเศรษฐกิจ สังคม ปากท้องพี่น้องประชาชน นำมาสู่การพัฒนาประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการ มีความใกล้เคียงในเรื่องของอุดมการณ์ทางความคิดประชาธิปไตย แต่อาจจะมีวิธีการต่างกัน |
ฐานเสียงสนับสนุน | ชนชั้นกลางรุ่นใหม่ มองถึงอนาคตการเมืองที่มีประสิทธิภาพ อนาคตที่ดีกว่าในปัจจุบัน | คนระดับพื้นที่ เพราะต้องการ แก้ปัญหาในปัจจุบัน ก่อนแก้ไขอนาคต |
วิถีทางการเมือง | การเมืองเชิงอัตลักษณ์ เช่น ลดผูกขาด แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ม.112 การเมืองเชิงอัตลักษณ์ คนด้อยสิทธิ์ ด้อยโอกาส เพศสภาพ ฯลฯ | วิถีการปฏิบัติที่มุ่งสู่ชัยชนะของการเลือกตั้ง เพราะเป็น พรรคการเมืองที่อยู่ในการเลือกตั้ง Party in Electoral (PIE) ประสบความสำเร็จตั้งแต่มีการเลือกตั้งสมัยที่เป็น พรรคไทยรักไทย สู่พลังประชาชน และเพื่อไทย เรียกว่า มีชัยชนะมาตลอด 5 สมัยในการเลือกตั้งทั่วไป |
การจัดโครงสร้างองค์กร | กรรมการบริหารพรรค โครงสร้างพรรค มุ่งตอบสนองอัตลักษณ์ต่าง ๆ จะเห็นตัวแทนที่เป็นตัวแทนบริหารพรรคก้าวไกลจำนวนมาก | มุ่งสร้างสมดุล เห็นได้จากการมีอดีตแกนนำ พรรคไทยรักไทย เช่น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่เข้ามาดูแลการเปลี่ยนผ่านของพรรคในเวลานี้ จะเห็นว่าเพื่อไทย พยายามสร้างความสมดุลระหว่าง ส.ส.เขต กับ แกนนำของพรรคในเชิงยุทธศาสตร์ และขณะเดียวกันก็ มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างคนรุ่นเก่า คนรุ่นกลาง และคนรุ่นใหม่ของพรรค ด้วย |
บริบทแวดล้อมทางการเมือง | ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบคู่ขนาน หรือ ระบบผสมเสียงข้างมาก (Mixed Member Majoritarian System : MMM) ไม่เอื้อต่อพรรค | ได้เปรียบใน ระบบ MMM เช่นเดียวกับ การเลือกตั้งในปี 2540 และ 2550 |
แต่ รศ.ยุทธพร ย้ำว่า ความได้เปรียบเสียบเปรียบในระบบเลือกตั้งแบบ MMM นั้น คาดการณ์อยู่บนสมมุติฐานที่ว่า Voter จะกากบาทคะแนนเสียงไปในทิศทางเดียวกันของบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ใบ แต่หากภูมิทัศน์ทางการเมืองเปลี่ยน ก็มีความเป็นไปได้ที่ทำให้คนไปกาคะแนนเสียงแบ่งทัศนคติในการกา 2 ใบที่ไม่เหมือนกัน
“ใบที่เลือกพรรคแบบบัญชีรายชื่อ ก็มองที่พรรคการเมือง
ขณะที่ ใบที่เลือกคน ก็มองที่ ส.ส.เขตฯ เลือกตั้ง”
ดังนั้น พรรคการเมืองขนาดกลางอย่างก้าวไกล ก็อาจจะไม่เสียเปรียบมากนัก หากภูมิทัศน์ทางการเมือง และแนวคิดของผู้คนเปลี่ยนไปแบบนั้นจริง ๆ ยังไม่มีอะไรยืนยันได้ว่า พรรคใดจะได้เปรียบ เสียเปรียบ ทุกอย่างมีตัวแปรที่ทำให้พลิกผันได้
“5 ความแตกต่าง สะท้อนว่าในเชิงยุทธศาสตร์ทางการเมือง พรรคก้าวไกลเหมือนทัพหน้า ขณะที่พรรคเพื่อไทยเหมือนทัพหลวง…”
เพราะ พรรคก้าวไกล จะหยิบจับประเด็นที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย อาจจะไม่มีประเด็นที่หวือหวา มุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างแบบนี้ แต่ถ้าวันหนึ่ง พรรคก้าวไกล ไม่ได้ทำให้ประเด็นทางการเมืองถูกยกระดับ การเคลื่อนไหวของก้าวไกลอาจกลายเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อไทย ที่อาจจะมีฐานเสียงกว้างขวาง เพราะยังไม่เคยพูดถึงประเด็นเปราะบางในสังคม