คณะทำงานสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ชี้นโยบายรัฐบาลลอย กว้าง ไม่พูดถึงเด็กเล็ก ไม่จัดงบ 68 ตามมติ แนะควรดำเนินการให้สอดคล้องนโยบายส่งเสริมการมีบุตร
12 ก.ย.67 ผศ.สุนี ไชยรส ประธานคณะสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 450 องค์กร ระบุอยากขออภิปรายนอกสภา เพราะในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้เรื่องเด็กเล็ก แม่ตั้งครรภ์ หญิงทำงาน ตามที่ภาคประชาชนได้นำเสนอรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง จนมีมติคณะกรรมการระดับรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแต่ยังไม่มีการนำไปปฏิบัติ โดยคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เคยส่งจดหมายเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ขอให้มีนโยบายและแผนปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรมเรื่องสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ในการแถลงนโยบายและแผนการปฏิบัติงานของรัฐบาลเป็นรูปธรรม
ใจความสำคัญจดหมายเปิดผนึกถึง นายกฯ
จากการสำรวจสถานการณ์เด็กปฐมวัยทั่วประเทศ จากคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ที่มีอยู่ทุกภูมิภาค และจากงานวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้นำเสนอต่อ พรรคเพื่อไทย และทุกพรรคการเมือง ในช่วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และมีการเสนอต่อเนื่องมาอีกหลายระลอก ทั้งต่อพรรคการเมือง และต่อรัฐบาลโดยตรง โดยมีข้อเสนอให้จัดเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กเล็กถ้วนหน้า ทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย ตั้งแต่คลอดจนถึงอายุ 6 ปี คนละ 600 บาท/เดือน ตามมติของคณะกรรมการแก้ไขของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(P-move) ที่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยกำหนดเริ่มต้นในปีงบประมาณ 2568
เงินอุดหนุนหญิงมีครรภ์ตั้งแต่ 5 เดือน จนถึงเดือนที่ 9 แบบถ้วนหน้า เดือนละ 3,000 บาท ตามมติของคณะกรรมการแก้ไขของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ที่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เริ่มต้นในปีงบประมาณ 2568 เช่นกัน ขยายสิทธิลาคลอด เป็น 180 วัน เพิ่มระยะให้แม่และพ่อได้เลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด และเชื่อมต่อไปศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้รับเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือน
โดยขอให้รัฐบาลในการบริหารของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้นำข้อเสนอของคณะทำงานไปพิจารณา และมีนโยบาย แผนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ที่เร่งด่วน เพื่อดูแลเด็กเล็กทุกคนอย่างเท่าเทียม และเป็นธรรม ตามการรับรองของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และอนุสัญญาสิทธิเด็กที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้หลายฉบับ เพื่อเป็นการคุ้มครองทางสังคมต่อเด็กทุกคนในสังคมไทย
ติง รัฐบาลไม่ให้น้ำหนัก “สวัสดิการเด็กเล็ก”
ผศ.สุนี บอกอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า “จะส่งเสริมการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ทั้งในระดับครอบครัว และที่ทำงาน เพื่อให้ผู้หญิงเป็นได้ทั้งแม่และก้าวหน้าในการทำงาน รวมทั้งเด็กไทยทุกคนจะต้องเข้าถึงศูนย์ดูแลเด็กปฐมวัยที่มีมาตรฐาน…”
แต่ความเห็นของ ผศ.สุนี มองว่า ในนโยบายที่แถลงนั้น เป็นแบบกว้างๆ ลอยๆ “ส่งเสริมการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม” และ”เด็กไทยทุกคนจะต้องเข้าถึงศูนย์ดูแลเด็กปฐมวัยที่มีมาตรฐาน” และ”รัฐบาลจะส่งเสริมพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปสร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะคนพิการผู้สูงอายุกลุ่มชาติพันธุ์บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ
ซึ่งพบว่า ในนโยบายที่มีน้อยนิดเรื่องสวัสดิการสังคมโดยตรง และนโยบายที่เกี่ยวกับคนทำงาน ก็ไม่มีการพูดถึงเด็กเล็กที่เป็นช่วงวัยทองของชีวิตที่จำเป็นต้องมีสวัสดิการถ้วนหน้า และเป็นข้ออ่อนของรัฐบาลต่อเนื่องรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ ตามที่มีการดำเนินการค้างอยู่
คณะทำงานสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า และภาคประชาชนจะมีการตรวจสอบจับตานโยบายเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง ตั้งแต่การดำเนินการตามปี 68 ที่ไม่จัดงบประมาณตามที่มีมติ รวมถึงการดำเนินนโยบายเพื่อเด็กถ้วนหน้าทุกคนตามที่แถลงบางส่วน เพื่อผลักดันให้สังคมไทยที่มีเด็กเกิดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีสวัสดิการถ้วนหน้าที่จะเป็นพื้นฐานรองรับการส่งเสริมการมีบุตร ให้ได้รับสิทธิสวัสดิการขั้นพื้นฐาน มีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นอนาคตที่ดีของสังคมอย่างจริงจังกว่าที่เป็นอยู่