‘พิธา’ จี้รัฐลงทุนเพื่อ ‘ผู้สูงอายุ’ เบี้ยยังชีพ ต้อง 3,000 บาท

แขวะหลายพรรคเคยตอบรับ แต่ตอนนี้กลับหายเงียบ ไม่ผลักดันต่อ แนะ 4 เสาหลักสร้างสวัสดิการสูงวัยยั่งยืน ขณะที่ กมธ.สวัสดิการสังคม ชี้ ควรแก้ระเบียบงบฯ กลาง ปฏิรูปภาษี ลดความซ้ำซ้อนสวัสดิการ

วันนี้ (9 เม.ย.67) คณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเรื่อง ”สวัสดิการผู้สูงอายุสู่อนาคตที่ยั่งยืน  ณ อาคารโรงพยาบาลและศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้ว่า ไทยเป็นประเทศที่ติดอับดับต้น ๆ ที่ชาวต่างชาติอยากมาพักผ่อนหลังเกษียณ แต่คนไทยเองกลับไม่มีโอกาสทำแบบนั้นได้ เพราะไม่มีเงินออม เนื่องจากโครงสร้างของประเทศไม่เอื้ออำนวย การดูแลประชาชนจึงต้องทำทุกช่วงวัย และรัฐควรลงทุนกับคนให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ลงทุนแต่กับตึก สนามบิน หรือสิ่งก่อสร้าง ในขณะที่รัฐสวัสดิการผู้สูงอายุ ไม่ได้หมายถึงผู้สูงวัยเท่านั้น แต่แปลว่าสวัสดิการของทุกคน เพราะเงินที่ให้ผู้สูงอายุ จะช่วยลดภาระคนวัยทำงาน พร้อมแนะว่า จะดูแลผู้สูงอายุในประเทศได้ ต้องมี 4 เสาหลัก ได้แก่ 

  1. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 3,000 บาท ซึ่งเพียงพอกับค่าใช้จ่ายปัจจุบัน

  2. มีศูนย์ชราบาลทั่วประเทศ ให้ผู้สูงอายุมาอยู่อาศัย ทำงาน และเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทั่วโลก

  3. มี Universal Design หรือ การออกแบบเมืองสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเด็ก ชรา ป่วย หรือพิการ ต้องสามารรถเดินทางในเมืองได้ด้วยตัวคนเดียว และนี่จะเป็นโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประทศด้วย

  4. รัฐและเอกชนต้องให้โอกาส และมีการจ้างงานผู้สูงอายุ

เสาหลักเหล่านี้ เปรียบเสมือนขาเก้าอี้ ตอนนี้เรากำลังผลักดันให้มีเก้าอี้ขาแรกแล้ว คือ เบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งเปรียบเสมือนการติดกระดุมเม็ดแรก แต่จะมั่นคงได้ ต้องมีครบทั้ง 4 ขา หากทำได้ สวัสดิการผู้สูงอายุ จะยั่งยืนในอนาคตแน่นอน พร้อมย้ำว่า เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทถ้วนหน้า สามารถเป็นไปได้จริง

ปัจจุบันเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่ควรอยู่ที่ 600 บาท/เดือน หรือ 20 บาทต่อวัน หรือกินไข่ต้มวันละมื้อ ก่อนหน้านี้ทุกพรรคการเมืองเห็นด้วยกันหมดว่าเบี้ยผู้สูงอายุควรอยู่ที่ 3,000 บาท แต่วันนี้แทบจะไม่เห็นว่ารัฐบาลหรือพรรคการเมืองจะพูดเรื่องนี้ต่อ เห็นเพียงแค่คณะกรรมาธิการฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่เคลื่อนไหวเพื่อผู้สูงอายุ” 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า สวัสดิการผู้สูงอายุในไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงมา 13 ปีแล้ว ปัจจุบันการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นแบบขั้นบันได คือ อายุ 60-69 ปี ได้เบี้ยยังชีพ 600 บาท/เดือน อายุ 70-79 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพ 700 บาท/เดือน อายุ 80-89 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพ 900 บาท/เดือน และผู้อายุ 90 ปี ขึ้นไป ได้รับเบี้ยยังชีพ 1,000 บาท/ เดือน ซึ่งไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน

และเมื่อพิจารณาตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้วพบว่า ระบบคุ้มครองความยากจนผู้สูงอายุไม่ได้เป็นภาระงบประมาณ แต่เป็นการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงสังคมจากวิกฤตความยากจนของผู้สูงวัย และกระตุ้นรายจ่ายครัวเรือนด้วย ฉะนั้น คณะกรรมการจึงพิจารณาการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุใหม่ คือ

  1. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จ่ายบำนาญผู้สูงอายุ จำนวน 1,000 บาท

  2. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จ่ายบำนาญผู้สูงอายุ จำนวน 2,000 บาท

  3. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 จ่ายบำนาญผู้สูงอายุ จำนวน 3,000 บาท

วรรณวิภา ไม้สน รองประธานคณะกรรมาธิการฯ คนที่สอง มีข้อสังเกตว่า ในระยะสั้น ควรมีการแก้ไขระเบียบการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบฯ กลาง เนื่องจากมีความซ้ำซ้อน ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะนำมาจัดสรรเป็นงบฯ บำนาญพื้นฐานได้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ในระยะกลาง ควรพิจารณาเรื่องสวัสดิการผู้สูงอายุที่มีความซ้ำซ้อนอยู่เพื่อที่จะใช้งบประมาณในการให้บำนาญอย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งเสริมการออมจากภาษีของประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่ในต่างประเทศมีมานานแล้ว และในระยะยาว ต้องมีการปฏิรูปภาษี รัฐต้องคิดเรื่องการหางบประมาณมาใช้เป็นบำนาญพื้นฐานอย่างจริงจัง และอาจมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ กอบกุล กวั่งซ้วน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เห็นด้วยว่า ผู้สูงอายุควรมีรายได้เพิ่ม พร้อมระบุว่า ตอนนี้ทาง พม. กำลังรวบรวมข้อมูลว่า ผู้สูงอายุในไทยได้รับสวัสดิการอะไรบ้างอยู่ทั้งที่เป็นตัวเงินและสิทธิต่าง ๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลดราคาค่าโดยสารสาธารณะ ฯลฯ เพราะมีหลายรูปแบบและซ้ำซ้อนอยู่มาก สิ่งที่คิดว่าเร่งด่วนที่สุด คือการเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนโดยไม่ต้องรอให้ถึงวัยเกษียณ โดยเฉพาะเรื่องทางการเงินและเรื่องสุขภาพ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active