การไฟฟ้านครหลวง ร่วมกับ กทม. และ กระทรวงมหาดไทย เร่งนำสายไฟฟ้าลงดินบริเวณถนนพหลโยธินเพิ่มเติม จากที่แล้วเสร็จ 62 กิโลเมตร ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน โดยตั้งเป้าดำเนินการทั้งสิ้น 313.5 กิโลเมตร ปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองให้สวยงาม
วันที่ 15 ธ.ค. 66 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ร่วมกิจกรรม “เนรมิตรพหลโยธิน ถนนสวยไร้เสาสาย” ณ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ภายใต้นโยบาย 10 ด้านของกระทรวงมหาดไทย คือ ด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย
ในครั้งนี้ MEA ได้ดำเนินการรื้อถอนเสาไฟฟ้าพื้นที่ถนนพหลโยธินเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่แยกถนนงามวงศ์วาน ถึงห้าแยกลาดพร้าว ระยะทางรวม 3.5 กิโลเมตร เพื่อเตรียมรองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและเสริมสร้างภูมิทัศน์ให้สวยงามยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา MEA ได้ดำเนินโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่ถนนพหลโยธินสำเร็จแล้วเป็นระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร (ตั้งแต่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถึง ห้าแยกลาดพร้าว)
ด้านแผนงานภาพรวมโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของ MEA ในปัจจุบัน มีระยะทางดำเนินโครงการทั้งสิ้น 313.5 กิโลมตร มีเป้าหมายก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในปี 2572 โดยขณะนี้สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จรวม 62 กิโลเมตร ครอบคลุมฟื้นที่สำคัญในถนนต่าง ๆ เช่น ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท ถนนพหลโยธิน ถนนพญาไท ถนนพระราม 1 ถนนราชดำริ ถนนราชวิถี ถนนราชปรารภ ถนนศรีอยุธยา ถนนสวรรคโลก ถนนสาธุประดิษฐ์ และถนนสว่างอารมณ์ เป็นต้น
ขณะเดียวกันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 251.5 กิโลเมตร เช่น โครงการพระราม 3 โครงการรัชดาภิเษก และโครงการก่อสร้างตามแนวรถไฟฟ้าสายสีต่าง ( โดย MEA คาดว่า ภายในสิ้นปี 2566 จะมีระยะทางที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีก 29.2 กิโลเมตร ทำให้มีระยะทางสายใต้ดินสะสมรวมทั้งสิ้น 91.2 กิโลเมตร
นอกจากนี้ MEA ได้นำเสาไฟฟ้าที่รื้อถอนไปใช้ในโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนและการทำแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง MEA’s Model อย่างต่อเนื่อง ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ฐานทัพเรือกรุงเทพ จ.สมุทรปราการ และบริเวณชายฝั่งทะเลกรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน ช่วยเพิ่มการสะสมของตะกอนหลังเขื่อน ส่งผลให้ต้นกล้าและลูกไม้ ประเภทไม้โกงกาง รวมถึง พรรณไม้น้ำต่าง ๆ ที่อยู่หลังแนวป้องกันมีปริมาณหนาแน่นขึ้น และช่วยให้สัตว์น้ำนานาพันธุ์และนกนานาชนิดมีแนวโน้มการอยู่รอดเพิ่มขึ้น