‘พีมูฟ’ จี้ ‘ประวิตร’ แก้ปัญหาชาวบ้าน 7 เดือน ไม่คืบ

ย้ำในฐานะประธานกรรมการแก้ปัญหาพีมูฟ ต้องเร่งเดินหน้าตาม 8 ข้อเรียกร้อง ชี้ เป็นคำขาดทางการเมืองจากภาคประชาชน

เมื่อวันที่ (16 ก.ย.65 ) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) 20 จังหวัด เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี ในนามประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกร้องให้เร่งรัดแก้ปัญหาของกลุ่มพีมูฟ 

เนื่องจากเห็นว่า เป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้ว หลังพีมูฟเคลื่อนไหวใหญ่ในช่วงปลายเดือน ม.ค. – ก.พ. ที่ผ่านมา จนมีมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 ก.พ.65 เห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาพีมูฟ 15 ประเด็น เช่น การผลักดันนโยบายโฉนดชุมชน, ขอให้เร่งออกพระราชกฤษฎีกานิรโทษกรรมคดีความที่เกี่ยวกับปัญหาป่าไม้และที่ดินอันเกิดจากการดำเนินการตามนโยบายรัฐ, แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทบทวนเนื้อหาของ พ.ร.บ.ป่าไม้ 3 ฉบับ, เร่งผลักดันกฎหมายชาติพันธุ์ แก้ปัญหาที่ดินทุกประเภท  รวมทั้งเดินหน้ารัฐสวัสดิการ  โดยมีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงวันนี้ หลายกรณีแม้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการก็ยังไม่คืบหน้า พีมูฟจึงมีข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แก้ไขปัญหา 8 ข้อเรียกร้องเร่งด่วน ประกอบด้วย

1. ขอให้เร่งรัดคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จัดประชุมเพื่อพิจารณายกระดับการจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชนและดำเนินการตรวจสอบพื้นที่โฉนดชุมชน 486 ชุมชน โดยให้เร่งรัดเพื่อประกาศรับรองพื้นที่ของพีมูฟจำนวน 196 ชุมชน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอการดำเนินการตามมาตรการของคทช. ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในพื้นที่ของพีมูฟเอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีระเบียบหรือหลักเกณฑ์ปฏิบัติของ คทช. ตามมาตรา 10 (4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ที่ชัดเจน โดยให้ คทช. เร่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน 

2. เร่งผลักดันร่างกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ตามผลการดำเนินงานของคณะทำงานศึกษาร่างกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ เพื่อออกกฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าวให้ทันในสมัยของอายุรัฐบาลชุดนี้ 

 3. ขอให้คณะรัฐมนตรีเร่งพิจารณาให้ความเห็นชอบกรณีชุมชนที่อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาที่ดินทุกประเภทเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า ประปา ทะเบียนบ้านและปรับปรุงที่อยู่อาศัยได้

4. ขอให้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เร่งลงนามให้คำรับรอง “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ. …. ฉบับประชาชน 16,559 คนเข้าชื่อเสนอกฎหมายฯ ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่ากฎหมายดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน ต้องส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาให้นายกรัฐมนตรีเพื่อให้คำรับรองโดยเร่งด่วน และผลักดันร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ฉบับ พ.ศ. …ที่ร่างโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิริธร (องค์การมหาชน) (ศมส.) ตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 ก.ค.62 ด้านการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติและคุ้มครองวิถีชีวิตของชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ฯ

 5. เร่งรัดผลักดันนโยบายการจัดระบบสวัสดิการถ้วนหน้า 9 ด้าน ประกอบด้วย ด้านเด็กและเยาวชน ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ ด้านที่อยู่อาศัยและที่ดิน ด้านงานและรายได้ ด้านการประกันสังคม ด้านระบบบำนาญประชาชน ด้านสิทธิทางสังคม ได้แก่ การยกระดับเบี้ยยังชีพคนพิการ สิทธิในการข้ามเพศ ชนเผ่าพื้นเมืองและผู้ไร้สถานะทางบุคคล พนักงานบริการ (Sex Worker) คนไร้บ้าน ภายใต้การให้ความเคารพและยอมรับในหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเข้าถึงสิทธิสวัสดิการถ้วนหน้า สิทธิสวัสดิการผ้าอนามัย สิทธิการเข้าถึงขนส่งสาธารณะและพื้นที่สาธารณะ การยกเลิกหลักสูตรการศึกษาที่สร้างอคติความเกลียดชัง เหยียดเชื้อชาติ เพศสภาพ ชนชั้น ด้านภาษีและงบประมาณ ทั้งนี้ ให้มีมาตรการในการพัฒนาสวัสดิการสังคมโดยเร่งด่วน

 6. ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ขอให้เร่งลงนามให้คำรับรองใน ร่างพระราชบัญญัติป้องกันบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. …. (ฉบับประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย) 

7. เร่งรัดผลักดันให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการว่าด้วยการแก้ไขปัญหาที่ดินทุกประเภท ตามมติการประชุมของคณะอนุกรรรมการประสานงานเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 23 ส.ค.65 โดยเร่งด่วน

8. เร่งรัดให้มีการดำเนินการตามมติการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย หมู่ที่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ครั้ง 1/2565 เมื่อวันที่ 8 ก.พ.65 โดยการผลักดันพื้นที่คุ้มครองทางวัฒนธรรมบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน คุ้มครองวิถีการทำไร่หมุนเวียนและขอให้อัยการจังหวัดเพชรบุรีสั่งไม่ฟ้องคดีชาวบ้านบางกลอย 28 ราย โดยเร่งด่วน

ยื่นคำขาดทางการเมือง ถึง ‘ประวิตร-รัฐบาล-พรรคร่วมฯ’

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 15 ก.ย.65 พีมูฟได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “คำขาดถึง ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เร่งรัดแก้ปัญหา P-Move ตามมติคณะรัฐมนตรี 1 ก.พ.65 โดยได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องทั้ง 8 ข้อ และชี้ว่า หลายกรณีแม้จะมีมติเห็นชอบและให้เร่งรัดดำเนินการแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า รวมถึงในหลายกรณีปัญหาสถานการณ์ในระดับพื้นที่กลับรุนแรงขึ้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายก็พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับดำเนินการตรงกันข้าม โดยที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ก็มีได้แสดงถึงความใส่ใจในการกำกับดูแลหน่วยงานเหล่านั้นให้ปฏิบัติตามมติแต่อย่างใด ฉะนั้นการเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงเป็นการแสดงเจตจำนง ‘คำขาดทางการเมือง’ ถึงรัฐบาลทุกภาคส่วน

“พีมูฟขอประกาศว่า การออกมาแสดงเจตจำนงค์ครั้งนี้ของเราเป็นการยื่นคำขาดทางการเมืองถึงทุกภาคส่วนนับจากวันนี้ไปหากยังไม่มีความคืบหน้าใดเกิดขึ้น หากยังมีการเฉยชาต่อข้อเรียกร้องของประชาชน ย่อมแสดงให้เห็นว่าภายใต้อำนาจของประวิตร วงษ์สุวรรณ และรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีใครสนใจและจริงจังดำเนินการแก้ไขปัญหาของภาคประชาชนอย่างแท้จริง และเราจะกำหนดความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างภาคประชาชนกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป”

แถลงการณ์ระบุ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active