ไม่สนผลรับฟังความเห็น 80% หนุนกัญชาเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม เชื่อจัดตั้ง เอื้อกลุ่มทุน ขณะที่สมาคมกัญชง ไม่หวั่น แม้กัญชาเป็นยาเสพติด ขอ สธ. เร่งออกกฎกระทรวง กำหนดทิศทางใช้ชัด
วันนี้ (28 มิ.ย. 67) ที่กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นหนังสือคัดค้านกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ต่อคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ ซึ่งจะมีการประชุม วันที่ 5 ก.ค. 67 โดยคาดว่าจะมีวาระสำคัญคือ การนำกัญชาเข้าสู่บัญชียาเสพติด เนื่องจากการประกาศกัญชาเข้าสู่บัญชียาเสพติดประเภท 5 จะต้องผ่านความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าว
ช่อขวัญ ช่อผกา ตัวแทนเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวว่า แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จะต้องมีมติดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ต้องออกมาแสดงจุดยืน โดยคณะกรรมการนี้ ในยุคของ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็น รมว.สธ. ก็ลงมติให้กัญชาออกจากยาเสพติด แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลก็จะลงมติส่วนทาง แสดงให้เห็นว่าข้าราชการประจบประแจงตามนาย
ช่อขวัญ ยังตั้งข้อสงสัยว่าทำไมกระทรวงสาธารณสุขจึงไม่ตั้งคณะกรรมการวิจัยร่วมหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชา แต่กลับให้ข้อมูลด้านเดียว ส่วนกรณีการรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขดึงกัญชาเป็นพืชเสพติด มีประชาชนเห็นด้วยถึง 80% นั้น เชื่อว่าเป็นการจัดตั้ง โดยคนที่เห็นด้วยไม่ใช่กลุ่มคนที่ใช้กัญชาเป็นยารักษา
แม้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. จะยืนยันมาโดยตลอดว่า หากกัญชากลับเป็นยาเสพติดก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย แต่ ช่อขวัญ บอกว่า แพทย์ส่วนใหญ่มีอคติไม่ยอมจ่ายยากัญชาให้ และหากกลับเป็นยาเสพติด กัญชาจะมีราคาแพงขึ้น ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงได้
“การเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเป็นการเอื้อกับกลุ่มทุนที่มีศักยภาพในการที่จะขอใบอนุญาต ซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ซึ่งชาวบ้านธรรมดาธรรมดาทั่วไปจะเข้าไม่ถึงและต้องใช้กัญชาทางการแพทย์ในราคาแพง”
ช่อขวัญ ช่อผกา
ตัวแทนเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ระบุด้วยว่า วันที่ 8 ก.ค.นี้ เครือข่ายกัญชาทั่วประเทศจะนัดชุมนุมใหญ่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อขอให้ใช้ พ.ร.บ.กัญชาในการควบคุมมากกว่าที่จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด เพราะเมื่อพิจารณาขั้นตอนในการทำกฎหมายแล้วมีระยะเวลาพอกันคือเดือน ม.ค. 2568
ด้าน วิฑูร เนติวิวัฒน์ กรรมการสมาคมสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย อดีตอนุกรรมาธิการปลูกกัญชงอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร แสดงความคิดเห็นกับ The Active เกี่ยวกับการควบคุมกัญชา ซึ่งตามร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขก็กำหนดให้ทั้งกัญชากัญชงกลับเป็นยาเสพติดนั้น ทางสมาคมฯ เห็นด้วยกับการใช้ พ.ร.บ.กัญชา มาควบคุมมากกว่าใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่หากรัฐบาลมีนโยบายดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็ไม่ได้คัดค้าน แต่ก็ขอให้เร่งออกกฎกระทรวงมารองรับว่าทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้างเพื่อให้นักลงทุนมีทิศทางชัดเจน
ส่วนกรณีที่ถูกภาคประชาสังคมมองว่า การดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เอื้อกับกลุ่มทุนหรือไม่ วิฑูรย์ บอกว่า กฎหมายไม่เลือกปฏิบัติอยู่แล้ว การปลูกกัญชาก็ขึ้นอยู่กับกำลัง ศักยภาพ ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจเกษตรกรหรือชาวนา จะสามารถทำได้แค่ไหน
ส่วนข้อกังวลว่าหากกลับไปเป็นยาเสพติดจะทำให้ กัญชาที่ประชาชนใช้รักษาโรคอยู่ตอนนี้มีราคาแพงขึ้นจนผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงได้ กรณีนี้รัฐควรออกมากำหนดราคากลางในภาคอุตสาหกรรมกัญชงกัญชาออกมาให้ชัดเจน และควรแยกกัญชงออกมา ไม่ควรนำรวมไปอยู่กับกัญชา แล้วนำกลับเข้าไปยังเป็นยาเสพติดด้วย
สำหรับแนวโน้มตลาดของอุตสาหกรรมกัญชงเปิดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดยุโรปและเอเชียบางประเทศได้ปรับกฎหมายการใช้ประโยชน์ของกัญชงให้หลากหลายขึ้น สร้างโอกาสและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ คาดว่าปี 2569 อุตสาหกรรมกัญชงโลกจะเติบโต 1 แสนล้านดอลลาร์ จาก 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2565 ส่วนไทยคาดว่าเติบโตถึง 2 พันล้านดอลลาร์จาก 200 ล้านดอลลาร์เช่นกัน แรงขับเคลื่อนสำคัญของไทยคือ ความเป็นศูนย์กลางด้าน Medical & Wellness Hub ที่รัฐและเอกชนสนับสนุน