สมัชชาอนามัยโลก ประกาศรับมติ “การมีส่วนร่วมของสังคม” ที่ไทยเสนอแล้ว!

กว่า 30 ประเทศ ให้เสียงสนับสนุน ตอกย้ำบทบาทไทยในเวทีสุขภาพระดับโลก พร้อมเรียกร้องประเทศสมาชิก ให้อำนาจทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมตัดสินใจนโยบายด้านสุขภาพ

‘การมีส่วนร่วมทางสังคม’ เป็นแนวคิดที่มีศักยภาพสูง
สามารถตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพ
และปรับเปลี่ยนแนวคิดสำคัญด้านสุขภาพทั่วโลก
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง
หรือถูกกีดกันออกไปจากสังคม

ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO)

วันนี้ (1 มิ.ย. 67) ที่ประชุม สมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 77 (77th World Health Assembly, WHA) ประกาศรับมติ เรื่อง “การมีส่วนร่วมของสังคมเพื่อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตลอดจนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Social Participation for UHC, Health and Well-being)” ที่เสนอโดยประเทศไทย ณ สํานักงานองค์การสหประชาชาติ (Palais des Nations) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

โดยกว่า 30 ประเทศสมาชิกให้ความเห็นสนับสนุน เช่น บราซิล, สโลวีเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ไอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา รวมถึงกลุ่มประเทศ “SEAR Countries” หรือกลุ่มประเทศเอเชียใต้-ตะวันออก 11 ประเทศ

ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO)

ทุกส่วนในสังคมต้องร่วมตัดสินใจนโยบายสุขภาพ

โดยมติดังกล่าว มีใจความสำคัญ คือ การเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก ดำเนินการให้อำนาจกับทุกภาคส่วนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ชุมชน และภาคประชาสังคม ให้สามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพในทุกขั้นตอนของนโยบาย ด้วยหลัก 7 ข้อ ได้แก่

  1. เพิ่มขีดความสามารถของภาครัฐให้มีการออกแบบและจัดกระบวนการมีส่วนร่วมทางสังคมอย่างมีคุณภาพ

  2. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมอย่างเสมอภาค หลากหลาย และครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและคนชายขอบ

  3. ต้องทำให้การมีส่วนร่วมทางสังคมที่มีส่วนในการตัดสินใจด้านสุขภาพเป็นไปอย่างโปร่งใสทุกขั้นตอน

  4. ต้องมีการจัดกระบวนการมีส่วนร่วมทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง โปร่งใส ด้วยกลไกต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายสาธารณะและตัวบทกฎหมาย

  5. รัฐต้องมีการจัดสรรพยากรอย่างพอเพียงและยั่งยืนเพื่อสนับสนุนให้การมีส่วนร่วมทางสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  6. ต้องมีการเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคประชาสังคม เพื่อให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมทางสังคมได้

  7. ต้องมีการสนับสนุนการทำวิจัย โครงการ หรือโปรแกรมนำร่อง ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมที่ติดตามและประเมินผลได้
นพ.วิโรจน์  ตั้งเจริญเสถียร
ที่ปรึกษาด้านสุขภาพโลก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข หนึ่งในตัวแทนจากไทยที่เข้าร่วมในงานสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่77
ณนุต มธุรพจน์
หัวหน้ากลุ่มงานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานสุขภาพภาพแห่งชาติ หนึ่งในตัวแทนจากไทยที่เข้าร่วมในงานสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่77

บทเรียนการมีส่วนร่วมของสังคม ยกระดับนโยบายสุขภาพ

เกอร์สติน เวสนา เปตริค ผู้อำนวยการสำนักงานร่วมมือองค์การอนามัยโลก กระทรวงสุขภาพสาธารณรัฐสโลวีเนีย หนึ่งในประเทศสมาชิกที่ให้การยอมรับมติดังกล่าวให้ความเห็นว่า ในประเทศของตนก็ใช้วิธีการดังกล่าวเช่นกัน และได้ผลดี เพราะเป็นการขับเคลื่อนนโยบายที่มาจากเสียงของประชาชนโดยตรง

เกอร์สติน เวสนา เปตริค
ผู้อำนวยการสำนักงานร่วมมือองค์การอนามัยโลก กระทรวงสุขภาพสาธารณรัฐสโลวีเนีย

“ประเทศของเราลงทุนเยอะมากกับการพัฒนาสถานพยาบาลส่งเสริมสุขภาพโดยการใช้วิธีการมีส่วนร่วมของสังคม (Social Participation) เช่น เราพบว่าหลังจากที่คนไข้ออกจากสถานพยาบาลแล้ว เขาสามารถกลับเข้าไปสู่ชุมชนได้ และบางส่วนไปเริ่มทำงานกับภาคประชาสังคม หรือ กลุ่ม NGOs เพราะพวกเขาคือคนที่เคยอยู่อาศัยและทำงานร่วมกับกลุ่มคนเปราะบางด้วยกันทุกวัน ดังนั้น วิธีนี้จะทำให้พวกเขาสร้างเครือข่ายและร่วมกันทำแผนปฏิบัติการที่มาจากความต้องการของพวกเขาจริง ๆ”

“การทำงานกับประเทศไทย จึงเปิดโลกทัศน์ของฉันมาก ฉันพบว่าวิธีนี้มีประโยชน์จริง ๆ เพราะเวลาเรานำคนมานั่งบนโต๊ะเดียวกัน เราไม่ได้แค่แชร์ประสบการณ์และตัดสินในร่วมกัน แต่เรามีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพของประเทศไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นต่างหาก”

เกอร์สติน เวสนา เปตริค

ตอกย้ำการยอมรับไทยในเวทีสุขภาพระดับโลก

ขณะที่ นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ชี้ว่าการมีส่วนร่วมทางสังคมสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ แต่ในทางหลักการ รัฐต้องให้ความสำคัญกับการเข้ามาปกป้องคุ้มครองและสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชนที่มีความหมายกว้างไปกว่าการเจ็บป่วยทางการแพทย์เท่านั้น การได้รับการรับรองมติในครั้งนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่ามาถูกทางแล้ว และยิ่งต้องลงมือทำให้เข้มข้น สม่ำเสมอ และยืนระยะให้ยาวนานมากขึ้นอีก

 นพ.ปรีดา แต้อารักษ์
รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หนึ่งในตัวแทนจากไทยที่เข้าร่วมในงานสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่77

“เราไม่ได้มองว่า ประชาชนเป็นเพียงผู้ใช้บริการหรือต้องคอยฟังคำสั่งรัฐเท่านั้น แต่ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนความเห็น อุปสรรค รวมถึงร่วมออกแบบเพื่อขับเคลื่อนนโยบายร่วมกัน สิ่งที่ประเทศไทยทำถือว่าก้าวหน้าไปมากเมื่อเทียบกับระดับนานาชาติ แม้บางหน่วยงานยังไม่มีให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและลงมือทำอย่างจริงจัง หรือสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างความเข้มแข็งของประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ทุกภาคส่วนก็เห็นด้วยว่าควรลงมือทำ และเมื่อมตินี้ถูกยอมรับในระดับนานาชาติ ยิ่งตอกย้ำว่า ในวันข้างหน้าเรายิ่งต้องเพิ่มความเข้มข้นในการลงมือทำยิ่งขึ้น”

นพ.ปรีดา แต้อารักษ์

พร้อมทั้งยอมรับว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้โดยง่ายหรือเกิดขึ้นได้ทันที แต่จำเป็นต้องหาจุดลงตัวในการทำงานร่วมกัน

“หากต้องการการมีส่วนร่วมก็ต้องมีความอดทน แม้จะเสียเวลา แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เวลาที่สูญเปล่า แต่เป็นการลงทุนทางเวลาที่สร้างความเข็มแข็งให้ประชาชน และเมื่อประชาชนมีความเข้มแข็งมากด้านการรับรู้และการป้องกันสุขภาพมากขึ้น เขาก็จะสามารถขับเคลื่อนเรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย”

นพ.ปรีดา แต้อารักษ์

รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ บอกอีดว่า จากการที่มตินี้ได้รับการยอมรับแล้ว ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยกำลังมาถูกทางแล้ว แต่เป็นการส่งผลสะเทือนวงกว้างในระดับนานาชาติด้วย

“การที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เป็นการบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเนื่องจากมตินี้ไม่ใช่กฎหมายข้อบังคับ ทำให้นานาประเทศสามารถหยิบมตินี้ไปปรับใช้ได้เองตามบริบท ความพร้อมทางสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

นพ.ปรีดา แต้อารักษ์

เช่นเดียวกับ บรูซ เอลวาร์ด ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า องค์การอนามัยโลก กล่าวถึงการทำงานของประเทศไทยร่วมกับสมัชชาอนามัยโลกที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญระดับโลก โดยยอมรับว่า ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและโดดเด่นในเวทีสมัชชาอนามัยโลก (WHA) และเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่ม สนับสนุนสิ่งสำคัญมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “การประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ไทยได้นำประเด็นสำคัญต่าง ๆ ขึ้นมาพูดคุย หาข้อตกลง และสร้างฉันทามติ นี่คือหนึ่งในบทบาทที่น่าตื่นเต้นมากที่ไทยกำลังทำอยู่ขณะนี้

 บรูซ เอลวาร์ด
ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า องค์การอนามัยโลก

มติการมีส่วนร่วมทางสังคมมีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะประเทศไทยมีประสบการณ์อย่างน้อย 15 ปี ตั้งแต่การจัดตั้งสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเมื่อหลายปีก่อน ที่ได้นำประชาชน รัฐบาล และผู้มีอำนาจตัดสินใจมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งสำคัญด้านสุขภาพ รวมถึงวิธีการดูแลสุขภาพที่ประชาชนควรเข้าถึงด้วย ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ของตนเอง มีความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมอย่างสูงในด้านนี้ ไทยสามารถทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนที่ยอดเยี่ยม เป็นครู เป็นผู้แบ่งปันที่ดี และช่วยให้เราทุกคนก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน” 

บรูซ เอลวาร์ด

จึงเป็นที่น่าติดตามว่า หลังจากเวทีระดับโลกอย่างสมัชชาอนามัยโลก ได้รับรองมติการมีส่วนร่วมทางสังคม (Social Participation) ที่ไทยนำเสนอแล้ว สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาปรับใช้อย่างเข้มแข็ง เข้มข้น และต่อเนื่องอย่างไรต่อไปเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนอย่างแท้จริง และไม่ได้เป็นเพียงแค่กระดาษใบเดียว

ขอบคุณภาพจาก : WHO

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active