พบประชากรไทยตกหล่นจากสถานะทางทะเบียน กว่า 5.2 แสนคน พร้อมชง ครม. เห็นชอบกระบวนการ “คนไทย ต้องไม่ไร้สิทธิ” เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน หวังร่นเวลาพิสูจน์สิทธิให้เร็วขึ้นจากเป็น 10 ปี เหลือเพียง 4-12 เดือน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2024/01/S__38757875-1024x683.jpg)
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 67 หลายภาคส่วนร่วมกัน ประกาศ Kick off โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ และโรงพยาบาลกลาง เป็นหน่วยเก็บสิ่งส่งตรวจสารพันธุกรรม (DNA) พัฒนาการเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสิทธิสถานะพื้นที่กรุงเทพฯ โซนกลาง และตะวันออก
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. บอกว่า การไม่มีสิทธิสถานะทางทะเบียน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะระบบหลักประกันสุขภาพ และสวัสดิการภาครัฐ ปัจจุบันมีกลุ่มประชากรคนไทยที่ตกหล่นจากสถานะทางทะเบียนกว่า 520,000 คน ตั้งแต่ปี 2556 สสส. ภาคีเครือข่ายร่วมทำงานพิสูจน์สิทธิ์ และการเข้าถึงบริการสุขภาพในกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะบุคคลอย่างต่อเนื่อง พัฒนารูปแบบแนวทางเข้าถึงสุขภาพ และผลักดันให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ด้วยกระบวนการ 7 ขั้นตอน ของ “คนไทย ต้อง ไม่ไร้สิทธิ” ที่กระทรวงมหาดไทยได้ขึ้นทะเบียน ขับเคลื่อนเชิงนโยบายเพิ่มชุดสิทธิประโยชน์ และงบประมาณ เช่น งบรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี งบล้างไต ยากำพร้าหรือยาที่มีความจำเป็นต้องใช้บรรเทา บำบัด ป้องกัน รักษาโรคที่พบได้น้อย โรคอันตรายร้ายแรง ใช้ระบบเดียวกับ สปสช.
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2024/01/S__38757878-1024x683.jpg)
ปัจจุบัน คณะทำงานพัฒนาการเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพของกลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสถานะ เกิดความร่วมมือระหว่าง 9 หน่วยงาน ทำงานใน 12 จังหวัด ทำให้มี กลุ่มคนไทยไร้สิทธิ และกลุ่มชาติพันธุ์ กว่า 2,570 คน เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ และเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสิทธิสุขภาพที่เหมาะสม โดย สสส. ประสานความร่วมมือการพัฒนาต้นแบบ กลไกการทำงาน และเสริมศักยภาพองค์กรภาคีต่าง ๆ สร้างรูปธรรมการทำงานทั้งในระดับพื้นที่ และนโยบาย จากการนำร่อง 1 จังหวัด 1 โรงพยาบาล ในปี 2564 สู่ 12 จังหวัด 20 โรงพยาบาล เสริมกระบวนการค้นหา ประสาน ส่งต่อ ติดตามสิทธิ เพื่อร่นระยะเวลาพิสูจน์สิทธิให้เร็วขึ้นจากเดิมใช้เวลาเป็น 10 ปี เหลือเพียง 4-12 เดือน เป้าหมายต่อไป คือ การขยายหน่วยเก็บ DNA ให้ครบ 13 เขต สปสช. ปัจจุบันเปิดได้ 9 เขต คาดการณ์ว่าจะครบในปี 2570
“ที่ผ่านมาการทำงานกับภาคีเครือข่าย ได้ชี้ให้เห็นว่า กทม. เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาคนไทยตกหล่นจากสิทธิสถานะทางทะเบียน ทำให้การขยายผลหน่วยเก็บ DNA เป็นส่วนสำคัญที่ร่วมแก้ไขปัญหาให้มีความครอบคลุม และเพิ่มประสิทธิภาพคืนสิทธิให้คนไทย ไม่มีใครต้องไร้สิทธิ”
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2024/01/S__38757883-1024x683.jpg)
พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการ สปสช. บอกว่า ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 คือการดูแลคนไทยให้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นอย่างครอบคลุม และทั่วถึงรวมถึงคนไทยที่มีปัญหาสิทธิสถานะ เป็นหนึ่งในนโยบายที่ สปสช. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตามหลักการที่ยึดมั่นคือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และในวันนี้จะเป็นอีกก้าวหนึ่งของ สปสช. ที่ได้ร่วมกับทาง กทม. สสส. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และภาคีเครือข่าย
สำหรับคนไทยที่มีปัญหาสิทธิสถานะนี้ กลุ่มเปราะบาง คนไร้บ้าน และคนไร้สิทธิ ซึ่งเป็นคนไทยตกหล่นด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ไม่ได้แจ้งเกิด เอกสารบุคคลสูญหาย ทำให้ไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเหมือนกับประชาชนทั่วไป โดยความร่วมมือที่ต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเปราะบางพื้นที่กรุงเทพฯ ได้พิสูจน์สถานะความเป็นคนไทย และได้รับสิทธิต่าง ๆ ที่ควรได้รับ รวมถึงสิทธิบัตรทอง 30 บาท ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2024/01/S__38757878-1-1024x683.jpg)
พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพฯ มีประชากรกว่า 10 ล้านคนรวมประชากรแฝง มีความหลากหลายของประชากรในพื้นที่ รวมถึงปัญหาที่ซับซ้อนแตกต่างกัน ในด้านสุขภาพแม้ว่าจะมีบริการทางการแพทย์ มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่ยังพบว่าคนไทยส่วนหนึ่งมีปัญหาสิทธิสถานะทางทะเบียน เข้าไม่ถึงสิทธิต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท ที่เป็นสิทธิของคนไทยทุกคน การ Kick off 3 รพ. เป็นหน่วยเก็บ DNA ครั้งนี้ เป็นการขยายต่อจากส่วนโซนธนบุรี โดย รพ.ราชพิพัฒน์ เมื่อเดือนตุลาคม 2566
“ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทำให้กระบวนการพิสูจน์ตัวตนมีความสะดวก รวดเร็วขึ้น ประชาชนไม่ต้องกลับไปดำเนินการที่ภูมิลำเนาเดิม จากเดิมที่มีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ รพ.รามาธิบดี ได้เพิ่มบริการในโรงพยาบาลสังกัด กทม. ตามนโยบายของผู้ว่าฯ กทม. ลดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำ ให้คนกรุงเทพฯ เข้าถึงสิทธิสุขภาพ สวัสดิการรัฐอย่างเท่าเทียม”
พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2024/01/DSC07855-1024x684.jpg)
ขณะ พญ.ปานใจ โวหารดี ผู้อำนวยการกองนิติวิทยาศาสตร์บริการ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ บอกว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ดำเนินการตรวจสารพันธุกรรมภายใต้ โครงการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมแก่ราษฎรไร้สถานะ และประสบปัญหาสถานะทางทะเบียนราษฎร โดยไม่มีค่าใช้จ่ายการตรวจพิสูจน์ในทุกประเภทการตรวจ และพัฒนาระบบโรงพยาบาลเครือข่ายจัดเก็บสารพันธุกรรมบุคคล ซึ่งเป็นการดำเนินงานเชิงรุก โดยความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและประชาสังคม ปัจจุบันมีเครือข่ายโรงพยาบาล 17 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรม ได้มีเพิ่มขึ้นในวันนี้อีก 3 แห่ง รวม 20 แห่ง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะคงดำเนินการพัฒนาโรงพยาบาลเครือข่าย และมุ่งพัฒนาด้านคุณภาพมาตรฐานอย่างต่อเนื่องต่อไป