งานแรก ‘นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์‘ หลังนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำถ่ายโอน รพ.สต. ระยะแรก 3,264 แห่ง สู่ อบจ. ยันไม่ทิ้งลูกจ้าง 9 พันคน พร้อมถอดบทเรียน โควิด-19 ให้ รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป ตั้ง “กลุ่มงานดิจิทัลทางการแพทย์”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/10/1DF1EADC-0126-46DE-9C6A-E4522E2D6CDB-1024x683.jpeg)
วันนี้ (1 ต.ค.65) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงสาธารณสุข ก่อนเริ่มทำงานในวันจันทร์ที่ 3 ต.ค.นี้ โดยจะประชุมทางไกลถ่ายทอดนโยบาย ขอให้โรงพยาบาลประเมินตนเอง และศักยภาพทางการเงิน เพื่อนำมาใช้ลงทุนทำประโยชน์ให้ประชาชน เช่น สร้างอาคารจอดรถผู้มารับบริการปรับปรุงอาคารผู้ป่วย ระบบบำบัดน้ำเสีย หรือติดตั้งโซลาร์รูฟ โซลาร์เซลล์ เพื่อประหยัดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงซ่อมแซมบ้านพักเพื่อเป็นสวัสดิการเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นต้น
นอกจากนี้ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลที่มีความพร้อม จะให้ตั้งกลุ่มงานดิจิทัลทางการแพทย์เพื่อพัฒนาการให้บริการประชาชนให้ได้รับบริการสะดวกขึ้น ลดความแออัดในโรงพยาบาล
นพ.โอภาส ยังกล่าวถึงกรณีการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในระยะแรกสิ้นปีงบประมาณ 2565 ในวันนี้ มีทั้งหมด 3,264 แห่ง จาก 9,750 แห่งทั่วประเทศ รวมบุคลากรที่เป็นข้าราชการ 11,911 คน และพนักงานกระทรวงสาธารณสุขและลูกจ้าง 9,868 คน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/10/306229269_470357005119548_1245960629697036563_n-1024x683.jpg)
“กระทรวงฯ เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ โดยประชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบบริการต่างๆ ต้องได้รับตามเดิม ซึ่งได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ติดตามการถ่ายโอน ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค และกำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ลงนามกับ นายก อบจ.ในการถ่ายโอน รพ.สต.”
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกด้วยว่า เมื่อ อบจ.มีความพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะการจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุขและลูกจ้าง รวมกว่า 9,000 คน หาก อบจ.ใดมีความพร้อมที่จะจ้างลูกจ้างต่อ ให้ดำเนินการถ่ายโอนได้ทันที ซึ่งสัปดาห์นี้คาดว่าจะมี อบจ.หลายแห่งที่พร้อมรับการถ่ายโอน รพ.สต. ระหว่างนี้ หากมีปัญหาใด ๆ กระทรวงสาธารณสุข ยินดีช่วย อบจ.แก้ไข เช่น เรื่องการบริการ ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดหน่วยบริการ พร้อมยา และเวชภัณฑ์ไปช่วยบริการ คาดว่าการถ่ายโอนจะเป็นไปอย่างราบรื่น
ใช้บทเรียน “โควิด” พัฒนาระบบสาธารณสุขต่อเนื่อง
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขไทยเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก เป็นบทเรียนการจัดการ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับความร่วมมือจากคนทั้งประเทศ ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยดี ทั้งจากฝ่ายนโยบาย ระบบสาธารณสุขที่มีความเข้มแข็งในการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรค การรักษา โดยบุคลากรทางการแพทย์ทุกสังกัด การสนับสนุนจัดหายา วัคซีน การกระจายกำลังคน อสม. ที่สำคัญคือ ประชาชนมีความตื่นตัวทางสุขภาพและให้ความร่วมมืออย่างดี ถือเป็นจุดแข็งที่จะนำมาพัฒนาปรับปรุงระบบสาธารณสุขต่อไป
ส่วนเรื่องการบรรจุบุคลากรสาธารณสุขเป็นข้าราชการกว่า 45,000 ตำแหน่ง และการที่โรงพยาบาลหมดปัญหาหนี้สิน และมีเงินบำรุงเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานโควิด-19 จะเป็นปัจจัยที่ช่วยพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะ 3 ปีต่อจากนี้
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/10/428F4E55-7EEE-4313-BA13-87F972E46F84-1024x683.jpeg)
“การทำงานจากนี้จะยึดนโยบายของรัฐบาล ทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูประบบสาธารณสุข รวมถึงนโยบายของ นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “Health for Wealth” สร้างสมดุลระหว่างสุขภาพและความมั่งคั่ง ซึ่งหมายถึงความมั่งคั่งทางสุขภาพ ที่เป็นต้นทุน”
นพ.โอภาส บอกอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องสำคัญในภาพรวมอีก 5 เรื่อง คือ การสร้างความเข้มแข็งทางสุขภาพของประชาชน, ความเข้มแข็งหน่วยบริการ, การดูแลผู้สูงอายุให้สุขภาพดีทำงานได้เหมาะสมตามสภาพ, การพัฒนาระบบสาธารณสุข โดยใช้เงินบำรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโรงพยาบาลระดับอำเภอ ช่วยกระตุ้นและหมุนเวียนเศรษฐกิจ และทำข้อมูลสุขภาพให้เป็นของประชาชน โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยพัฒนาให้เกิดประโยชน์กับประชาชน