ขบวนการแพทย์ชนบทรับรางวัลแมกไซไซ ปี67 หมอสุภัทรหวัง“ทุกประเทศมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประชาชนเข้าถึงเท่าเทียม“

ย้อนรอยความสำเร็จ 60 ปี ขบวนการแพทย์ชนบท จากวิกฤติแพทย์ขาดแคลนสู่นโยบาย “แพทย์ใช้ทุน” นโยบาย “ 30 บาทรักษาทุกโรค”   ‘ครูประทีป’ ร่วมยินดี ชี้ ”ช่วงโควิด“ ตอกย้ำอุดมการณ์ช่วยเหลือคนยากไร้ ด้านฟิลิปปินส์ถอดบทเรียนแพทย์ชนบทไทย เชื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดจากคนทำงานจริง

วันนี้ (16 พ.ย. 2567) ที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ขบวนการแพทย์ชนบทได้ขึ้นรับรางวัลแมกไซไซ ประจำปี 2567 โดยนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เป็นผู้แทนรับรางวัล โดยได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า

พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับรางวัลนี้ จากจุดกำเนิดของขบวนการแพทย์ชนบทเกิดจากวิกฤติสาธารณสุขในชนบทไทยช่วงทศวรรษ 1960 ที่ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นจึงมีนโยบายที่จะให้แพทย์จบใหม่ต้องไปใช้ทุนในต่างจังหวัดจำนวน 3 ปี นโยบายนี้ไปช่วยเติมเต็มระบบสาธารณสุขในชนบท”

นายแพทย์สุภัทร กล่าวอีกว่า จากเครือข่ายแพทย์กลุ่มเล็กๆ ได้พัฒนาเป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายสาธารณสุขของประเทศ จนนำไปสู่การเกิดโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2545 ซึ่งให้ความคุ้มครองประชากรไทยกว่าครึ่งประเทศ ล่าสุดในช่วงการระบาดของโควิด-19 ขบวนการแพทย์ชนบทยังได้จัดตั้ง ”แพทย์ชนบทบุกกรุง“ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ในกรุงเทพมหานครให้เข้าถึงการรักษา

“พวกเราเชื่อว่า ทุกประเทศจะทำระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมในอนาคตอันใกล้​​​​​​​​​​​​​​​​”

นายแพทย์สุภัทรกล่าว

ครูประทีปชื่นชมอุดมการณ์แพทย์ชนบท 

ด้าน ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ได้รับรางวัลแมกไซไซ ปี 2521 แสดงความเห็นต่อการที่ขบวนการแพทย์ชนบทได้รับรางวัลแมกไซไซประจำปีนี้ว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการสืบสานอุดมการณ์ การนำความรู้ทางการแพทย์มารับใช้ประชาชน โดยเฉพาะผลงานของ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงษ์ ผู้ริเริ่มนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งได้รับการนำไปปฏิบัติจริงในสมัยรัฐบาลทักษิณ

ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ

ครูประทีปยังกล่าวถึงบทบาทของขบวนการแพทย์ชนบทในการจัดการโควิด-19 ที่ชุมชนคลองเตย ว่าสามารถเข้ามาจัดการสถานการณ์ที่เคยสับสนวุ่นวายให้เป็นระบบได้ภายในเวลาเพียง 5-6 วัน ทั้งการตรวจคัดกรอง การฉีดวัคซีนถึงบ้าน และการส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษา จนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถตรวจประชาชนได้ถึง 800 คน

ครูประทีปได้แสดงความห่วงใยต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มุ่งเน้นวัตถุนิยมและเทคโนโลยีมากขึ้น โดยเตือนว่าแพทย์ควรรักษาสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีกับการรักษาอุดมการณ์ในการดูแลผู้ป่วยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเฉพาะผู้ยากไร้​​​​​​​​​​​​​​​​

เรียนรู้จากไทย ปฏิรูปสุขภาพชนบทฟิลิปปินส์

ขณะที่ ตัวแทนฟิลิปปินส์ ประเทศเจ้าภาพงานรางวัล แมกไซไซ กล่าวถึงความพยายามในการปฏิรูประบบบริการสุขภาพในชนบทฟิลิปปินส์ ที่ถึงแม้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น กับกฎหมายบริการสุขภาพแบบครอบคลุม แต่ก็ยังมีสิ่งที่ควรเรียนรู้จากเรื่องราวของขบวนการแพทย์ชนบทในไทย โดยเฉพาะการตระหนักว่าบริการสุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และการยอมรับมุมมองนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าชุมชนไหนจะถูกมองว่าไม่มีความสำคัญอย่างไร ก็จะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

และไม่ใช่เฉพาะเรื่องบริการสุขภาพเท่านั้น นี่เป็นเรื่องของความหวัง แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก แต่แพทย์เหล่านี้ช่วยเตือนเราว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมักจะไม่เกิดจากนโยบาย top-down (บนลงล่าง) แต่เกิดจากความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของผู้ที่ทำงานในพื้นที่ การต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยเท่านั้น แต่เกี่ยวกับการเยียวยารักษาระบบที่แตกสลายด้วย

บทเรียนจากขบวนการแพทย์ชนบทเผยความจริงที่ว่าความแข็งแกร่งของประเทศไม่ได้วัดจากความมั่งคั่งของเมืองใหญ่ แต่ถูกวัดจากสวัสดิภาพของคนที่เปราะบางที่สุด เรื่องราวความสำเร็จของขบวนการแพทย์ชนบทพิสูจน์ว่าแม้ในมุมของสังคมที่ถูกละเลยมากที่สุด ความยุติธรรมและศักดิ์ศรียังสามารถเติบโตและเจริญงอกงามได้

คนไทยกับรางวัลแมกไซไซ

สำหรับรางวัลแมกไซไซ (Ramon Magsaysay Award) ถือเป็นรางวัลทรงเกียรติที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “รางวัลโนเบลแห่งเอเชีย” ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2500 โดยมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ Ramon Magsaysay อดีตประธานาธิบดีคนที่ 7 ของฟิลิปปินส์ ผู้เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์และการอุทิศตนเพื่อประชาชน

รางวัลนี้แบ่งออกเป็น 6 สาขาสำคัญ ได้แก่ ความเป็นผู้นำในการปกครอง บริการสาธารณะ การบริการชุมชน สื่อสารมวลชนและศิลปะสร้างสรรค์ สันติภาพและความเข้าใจระหว่างประเทศ และการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยมอบให้แก่บุคคลและองค์กรในเอเชียที่มีผลงานโดดเด่นด้านการพัฒนาสังคม ผู้ได้รับรางวัลจะได้รับเหรียญทองแมกไซไซ เงินรางวัล และประกาศนียบัตร ในพิธีมอบรางวัลซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นประจำทุกปีในเดือนสิงหาคม

ประเทศไทยมีบุคคลสำคัญหลายท่านที่เคยได้รับรางวัลนี้ อาทิ ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ด้านการพัฒนาชุมชนแออัด ศ.นพ.ประเวศ วะสี ด้านบริการสาธารณะ และพระไพศาล วิสาโล ด้านสันติภาพ รางวัลแมกไซไซจึงไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของผู้ได้รับรางวัลเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนอุทิศตนเพื่อการพัฒนาสังคมและความก้าวหน้าในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง​​​​​​​​​​​​​​​​ 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active