เลขาธิการ สปสช. สั่งตั้งคณะทำงานร่วมแก้ปัญหา กรณี รพ.มงกุฎวัฒนะ หลัง ชี้ปมสภาพคล่อง แก้ได้ เตรียมปรับระบบบริการบัตรทองทั่ว กทม. ขณะที่ นพ.เหรียญทอง ยันรับผู้ป่วยบัตรทองตามนัดเดิม ถึง 31 ต.ค. แต่จะหยุดรับคนไข้ส่งต่อจากคลินิกบัตรทอง ตั้งแต่ 1 พ.ย. นี้ ยกเว้น สปสช.เคลียร์หนี้
วันนี้ (28 ต.ค. 67) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติวันนี้ ได้มีวาระการหารือกรณีของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท โดย นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงเลขาธิการ สปสช. ลงวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา เรื่อง รพ.มงกุฎวัฒนะขาดสภาพคล่องไม่สามารถรับส่งต่อจากหน่วยบริการปฐมภูมิตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยขอให้ สปสช. แก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดกับ รพ.มงกุฎวัฒนะภายหลังการปรับแนวทางการบริหารจัดการระบบบัตรทองในพื้นที่ กทม. รวมทั้งมีข้อเสนอเข้ามาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ เบื้องต้นเท่าที่ดูข้อมูลตามที่ รพ.มงกุฎวัฒนะได้หารือมานี้ มองว่าเป็นปัญหาที่สามารถพูดคุยและบริหารจัดการได้ ทั้งในส่วนของค่าบริการผู้ป่วยนอกรับส่งต่อ (OP Refer) และบริการปฐมภูมิไปที่ไหนก็ได้ (OP Anywhere) รวมถึงการจ่ายค่าบริการตามรายการบริการ (Fee schedule :FS) ซึ่ง สปสช. มีขั้นตอนในการดำเนินการ โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่าย ที่อาจทำให้ในบางส่วนเกิดความล่าช้าต่อหน่วยบริการได้ รวมถึงประกาศหลักเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ ที่ทำให้เกิดผลกระทบในภายหลังขี้น
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหานี้โดยเร็ว และไม่ให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้รับผลกระทบ ในวันนี้ตนได้ตั้งคณะทำงานเพื่อหารือร่วมกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ในการหาข้อยุติของปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันแล้ว ประกอบด้วยผู้บริหาร สปสช. อาทิ พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการ สปสช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดนี้ นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสปสช. นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. และผู้บริหารในส่วนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของเบิกจ่ายชดเชย การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ เป็นต้น
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอที่ รพ.มงกุฎวัฒนะขอขยายเพดานโควตาที่รับดูแลประชากรเครือข่ายมงกุฎวัฒนะ จากเดิมจำนวน 48,767 คน เป็น 250,000 คนนั้น ประเด็นนี้ในการดำเนินการ สปสช. จะต้องทำการแก้ไขข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขอลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำและการขอเปลี่ยนแปลงหน่วยบริการประจำ พ.ศ. 2564 โดยเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และแก้ไขประกาศสำนักงานฯ เรื่องเกณฑ์การตรวจประเมินเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ รวมถึงการให้โรงพยาบาลเอกชนใน กทม. สามารถให้บริการลักษณะหน่วยบริการประจำได้
นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการพิจารณาศักยภาพโรงพยาบาลในการรองรับการดูแลประชากรที่เพิ่มขึ้น และการประเมินผลกระทบที่มีต่อระบบในภาพรวมทั้งหมด รวมถึงการจัดระบบบริการในพื้นที่ด้วย
เลขาธิการ สปสช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนข้อเสนอที่ให้ รพ.มงกุฎวัฒนะเลือกคลินิกเป็นเครือข่าย โดย รพ.มงกุฎวัฒนะจะรับค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวแทนคลินิก และเมื่อประชาชนไปรับบริการทาง รพ.จะจ่ายตามรายการบริการนั้น รูปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นลักษณะเดียวกับโมเดลที่ 1 ซึ่ง สปสช. เขต 13 กทม. ได้ดำเนินการมาแล้วที่ให้หน่วยบริการประจำตามจ่าย แต่ต่อมาได้มีการปรับปรุงรูปแบบเพื่อไม่ให้เกิดภาระการตามจ่ายค่าบริการ อย่างไรก็ตามหากมีการปรับแก้ไขในส่วนนี้ คงใช้เป็นแนวทางของ รพ.เอกชนใน กทม. ทั้งหมดไม่แต่เฉพาะ รพ.มงกุฎวัฒนะ และอาจนำไปสู่การปฏิรูปบริการในพื้นที่ กทม. ได้
ในการประชุมบอร์ด สปสช. วันที่ 4 พฤศจิกายน นี้ สำนักงานฯ จะนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุม เพื่อแจ้งปัญหากรณี รพ.มงกุฎวัฒนะ เพื่อให้บอร์ดฯ รับทราบ รวมถึงหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา และการเปิดให้ รพ.สามารถหาหน่วยบริการเครือข่ายได้ โดยย้ำว่า สปสช. ยังคงเน้นบนหลักการบริการใกล้บ้าน สนับสนุน รพ.และหน่วยบริการจัดบริการในรูปแบบเครือข่าย เปิดให้ประชาชนเลือกหน่วยบริการเองได้ โดย สปสช. จะจ่ายเหมาจ่ายรายหัวให้หน่วยบริการประจำ โดยที่หน่วยบริการประจำจะตามจ่ายให้กับหน่วยบริการเครือข่าย ซึ่งหลังการปรับระบบใหม่นี้ สปสช.จะมีการติดตามผลโดยดูจากการร้องเรียนของประชาชนเลขาธิการ สปสช. กล่าว
รพ.มงกุฎวัฒนะ ยันรับผู้ป่วยบัตรทองตามนัดเดิม เร่งเสนอ สปสช. แก้ปัญหาระยะยาว
วันเดียวกัน ก่อนนี้เมื่อเวลา 08.00 น. นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ด่วนที่สุดได้โปรดแชร์ถึงผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะ”
1. ถึงแม้ สปสช. จะไม่อนุมัติค่าแพทย์และปรับลดราคากลางตาม Fee Schedule จนทำให้ รพ.ต้องแบกภาระขาดทุนก็ตาม แต่ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกที่ รพ.มงกุฎวัฒนะนัดไว้แล้วถึงแม้จะหลังวันที่ 31 ต.ค.67 ก็ตาม รพ.มงกุฎวัฒนะก็ยังคงรักษาคำมั่นสัญญาการนัดตรวจให้ท่าน ดังนั้นท่านยังคงมาตามนัด แต่หลังจากกำหนดนัดไว้แล้ว รพ.มงกุฎวัฒนะจะไม่นัดตรวจให้ท่านอีก ทั้งนี้หมายรวมถึงกรณีผ่าตัด คลอด ฯลฯ ก็ยังคงมาตามนัดได้
2. รพ.มงกุฎวัฒนะได้เสนอหนทางแก้ไขให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองที่มีโรคประจำตัวและรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะต่อเนื่องด้วยการขอให้ สปสช. ดำเนินการดังนี้
2.1 สปสช ขยายเพดานให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรับขึ้นทะเบียนเพื่อย้ายผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวและรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะต่อเนื่องมาขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ
2.2 การขึ้นทะเบียนผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวและรักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะ รพ.มงกุฎวัฒนะจะเป็นผู้ดำเนินการเอง มิฉนั้นแล้วจะมีผู้ป่วยบัตรทองจากสถานพยาบาลอื่นๆที่ไม่ได้รักษากับ รพ.มงกุฎวัฒนะมาแย่งกันขึ้นทะเบียนซึ่งจะส่งผลให้ รพ.มงกุฎวัฒนะแบกภาระไม่ไหว
2.3 การขยายเพดานให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรับขึ้นทะเบียนโดยตรง จะแก้ปัญหาให้แก่ผู้ป่วยบัตรทองที่ประสบปัญหาคลินิกเจ้าเล่ห์จำนวนมากของ สปสช ที่ไม่ยอมออกใบส่งตัวอีกด้วย
2.4 การขยายเพดานให้ รพ.มงกุฎวัฒนะรับขึ้นทะเบียนโดยตรงจะดำเนินการขึ้นทะเบียนทั้งครอบครัว ไม่เฉพาะแต่ผู้ป่วยเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อจัด ‘ระบบการบริการเวชศาสตร์ครอบครัว-เวชศาสตร์ป้องกัน’ ที่จะได้รับบริการอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์กันทั้งครอบครัวที่มีผู้ป่วย
2.5 สำหรับผู้ป่วยบัตรทองที่มีโรคประจำตัว ไม่มีญาติ ไม่มีบุตรหลาน ตัวคนเดียว รพ.มงกุฎวัฒนะจะรณรงค์เชิญชวนผู้มีสิทธิบัตรทองที่สุขภาพดีแข็งแรง ไม่มีโรคมาขึ้นทะเบียนกับ รพ.มงกุฎวัฒนะด้วย ทั้งนี้เพื่อนำรายได้เหมาจ่ายรายหัวของคนแข็งแรงมาช่วยคนป่วยที่ตัวคนเดียว พูดง่ายๆว่า “คนแข็งแรงร่วมด้วยช่วยกันมาขึ้นทะเบียนกับ รพ.มงกุฎวัฒนะเพื่อช่วยผู้ป่วยบัตรทองที่ตัวคนเดียว ยากไร้”
2.6 ข้อเสนออื่นๆ ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ป่วย จึงไม่ขอกล่าว
หาก สปสช.อนุมัติตามข้อเสนอในข้อ 2 แล้ว จะสามารถแก้ไขปัญหาผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกส่งต่อ รพ.มงกุฎวัฒนะได้ทันทีภายในไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังจาก สปสช แจ้งผลการอนุมัติ
นี่คือคำมั่นสัญญาของสุภาพบุรุษลูกผู้ชายจอมเผด็จการอย่างผม คนรักษาคำมั่นสัญญา พูดคำไหน ก็ทำตามคำพูด ไม่ใช่ตกลงจ่ายเท่านี้ แล้วเบี้ยวหนี้ด้วยการออกประกาศลดราคากลางย้อนหลังจนทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะไม่มีเงินค่าจ้างแพทย์ ไม่มีเงินจัดซื้อยาให้ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิก
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน และขออย่าตื่นตระหนก เพราะผมกำลังดำเนินการถึงผู้บริหารของ สปสช แล้ว และมีท่าทีเห็นด้วย ยกเว้นคณะกรรมการบอร์ดใหญ่ สปสช ที่มีอำนาจเหนือ เลขาธิการ สปสช ขึ้นไปเท่านั้น