เวทีถกความยั่งยืนบัตรทอง ห่วง งบฯ ตามโรคไม่ทัน

เสนอแนวทาง Value Base Health Care รักษาดีแต่คอร์สต่ำเป็นวาระชาติเปลี่ยนแนวคิด “รักษาทุกโรค” เป็น “ป้องกันทุกโรค”​ เน้น Self Care มากกว่า Health Care 

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ที่ประชุมสมัชชาสุภาพแห่งชาติครั้งที่ 16 เวทีหารือ “ก้าวต่อไปหลักประกันสุขภาพไทย ยั่งยืนหรือย่ำแย่”  รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวล้ำไปมาก แต่ก็มีราคาสูง จะทำอย่างไรให้คนทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้เท่ากัน แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์ราคาสูงก็อาจไม่ใช่คำตอบเสมอไปปัจจุบันการดูแลผู้ป่วยที่ให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดอาจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก หรือที่เรียกว่า Value Base Health Care การมีผลลัพธ์การรักษาที่ดี และใช้เงินน้อยในกระบวนการทั้งหมด ขณะเดียวกันควรเน้นเรื่องSelf – Care คือ การดูแลตัวเองซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์การดูแลตัวเองอย่างยั่งยืนมากกว่า Health Care  คือ การจัดระบบสุขภาพดําโดย บุคลากรของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน 

นพ.สุรพล โล่ห์สิริ ที่ปรึกษาสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่าต้องเป็นเปลี่ยนแนวคิด 30 บาทรักษาทุกโรคเป็น ป้องกันทุกโรค คนจะใช้บริการน้อยลง เพราะคนไข้ลดลง และจะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาไปมาก และจริง ๆ หน่วยบริการมีเยอะเพียงพอ แต่คนป่วยเล็กน้อย ควรจะไปคลินิกไปให้ถูกที่ ไม่ควรมาที่โรงเรียนแพทย์ หรือ โรงพยาบาลใหญ่ เช่นหากเป็นหวัดไปหาหมอที่ รร.แพทย์มันก็ไปโหลดภาระงานของแพทย์ที่นั่นซึ่งคนไข้โรคซับซ้อนมีเยอะอยู่แล้ว 

“พูดถึงงบประมาณการรักษาเพิ่มขึ้น 10% ทุกปี ทำอย่างไรให้งบที่มีจำกัดไปดูเรื่อง Value Base Health Care การรักษาคุณภาพดี แต่คอร์สต่ำ อยากให้เน้นเรื่องนี้มากๆ เป็นวาระชาติ” 

นพ.สุรพล

ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรม คนที่ 2 กล่าวว่า การเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นโจทย์ใหญ่ของงบประมาณบัตรทองที่มีจำกัด ปัจจุบันผู้สูงอายุ 100 ปีขึ้นไป มี 30,000 คน อายุยืนมากขึ้น แต่ก็ป่วยมากขึ้นเช่นกัน เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCD คนไทย 40% อ้วนเสี่ยงหลายโรค ถ้า สปสช. มีสิทธิ์ประโยชน์เพิ่มขึ้น ก็ต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น อนาคตเมื่อคนแก่มากขึ้น การเข้าถึงบริการจะน้อยลงขณะที่การเข้าถึงยานอกบัญชีก็แพง ยามะเร็งก็แพง ต้องยอมรับว่าคงบริการให้ทุกคนพอใจไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่รัฐสวัสดิการ อย่างประเทศที่เก็บภาษีสูง แต่เราก็ดูแลเขาเท่าที่เราจะดูแดให้ดีที่สุด ดังนั้นการบริหารจัดการงบประมาณสำคัญที่สุด

ไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท กล่าวว่า ขอสะท้อนปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของกลุ่มคนชายขอบ เช่นชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งไปไกล และบนเกาะไม่มีโรงพยาบาลอุปสรรคคือค่าเดินทาง และเมื่อไปถึงโรงพยาบาลยังต้องนอนรอต่อคิวได้รับการรักษาช้า จนหลายราย เสียชีวิต ขณะเดียวกันกลุ่มนักท่องเที่ยวกลับได้รับการดูแลดีกว่ามีเฮลิคอปเตอร์รับขึ้นฝั่งหากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยรุนแรง 

นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติเห็นด้วยที่จะยกระดับงานส่งเสริมป้องกันโรคแต่ที่ผ่านมากิจกรรมส่งเสริมป้องกันโรคกลายเป็นมีลักษณะของงานให้บริการซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นได้มากกว่านั้นทำให้การของบส่งเสริมป้องกันโรคที่มีอยู่ทุกท้องถิ่นเบิกจ่ายไม่หมดอย่างปีที่แล้ว กทม. เหลือเงิน ในกองทุนสุขภาพท้องถิ่น 1,500 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพเพิ่มมากขึ้นเช่นการบรรจุยาใหม่ๆ เข้าในบัญชียาหลักเพิ่มทุกปี มีราคาแพงขึ้น 

 Ms.Saima Wazed ว่าที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เห็นความท้าทายในการจัดหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทยโดยเฉพาะ ค่ายา และเวชภัณฑ์ที่แพงขึ้น ประชากรที่เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลก็มากขึ้น 

เธอบอกว่าควรให้รางวัลกับบุคลากรทางการแพทย์ที่สามารถลดจำนวนคนป่วยในพื้นที่ลงได้อย่างเห็นได้ชัด และให้ความสำคัญกับระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่เน้นในเรื่องการส่งเสริมป้องกันโรค รวมทั้งการฝึกเทรนอาสาสมัครสาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเล็กน้อย หรือผู้ป่วยที่ต้องรักษาระยะยาว ติดเดียวสุดท้ายสำคัญที่ ต้องเฝ้าระวังกระบวนการผลิตอาหารปลอดภัย ซึ่งอาหารการกินเป็นต้นเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่มีสัดส่วนคนป่วย รับการรักษามากที่สุด 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active