ชี้ มีหน่วยบริการหลายสังกัด ซับซ้อน เชื่อมโยงข้อมูลยาก ขณะที่ ว่าผอ. WHO SEARO สนใจระบบบริการผู้ป่วยจิตเวชเขตเมือง
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2566 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยระหว่างนำ Ms.Saima Wazed ประธานมูลนิธิ Shuchona ว่าที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO SEARO) ลงพื้นที่ดูงานบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตเมือง ว่าขณะนี้รัฐบาลพัฒนานโยบายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ โดยในเฟสแรกจะเริ่มนำร่อง 4 จังหวัด ในต้นเดือน ม.ค. 2567 แต่ยอมรับว่าสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะเป็นจังหวัดสุดท้าย หรือเฟสสุดท้ายที่จะได้ใช้ระบบบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ เนื่องจากพื้นที่ขนาดใหญ่ มีความซับซ้อน หน่วยบริการหลายสังกัดการจะเชื่อมโยงข้อมูลทุกสังกัดไม่ง่าย ในกทม.มีหน่วยบริการมากกว่าสิบสังกัด รวมทั้งเอกชน ดังนั้นความยากไม่ใช่เรื่องการให้บริการ แต่เป็นเทคนิคการเชื่อมต่อข้อมูล
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/IMG_0390-1024x768.jpeg)
ขณะเดียวกันงบส่งเสริมป้องกันโรค ซึ่งครอบคลุมคนที่สิทธิ์ในกทม. ทั้งประกันสังคมและข้าราชการ ประชาชนยังไม่ทราบสิทธิประโยชน์เหล่านี้มากนัก และ สปสช. ก็กำลังจะศึกษาการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมป้องกันโรคให้มากขึ้น และพยายามดึงหน่วยบริการปฐมภูมิภาคเอกชน เข้ามาอยู่ในระบบของ สปสช. ให้มากขึ้นเพื่อให้บริการประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึง ถือบัตรประชาชนใบเดียวเข้าไปใช้บริการได้ฟรี
ด้าน ว่าที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ลงพื้นที่ดูงานระบบปฐมภูมิ กทม. ซักถามประเด็นการรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตในเมืองเป็นพิเศษ เช่น ระบบบริการผู้ป่วยจิตเวชเป็นอยากอย่างไร จัดการอย่างไร
นพ.สุนทรสุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้แสดงแผนผังการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพติด กทม. โดยศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ที่มีอยู่ 69 แห่งเป็นด่านหน้า ประเมินอาการเบื้องต้น4 ระดับสีแดง ส้ม เหลือ เขียว และส่งรักษา ฟื้นฟูทางช่องทางที่เหมาะสม หลังการบำบัดรักษามีกระบวนการเชิงสังคม ทั้งการส่งเสริมอาชีพ การศึกษาสาธารณสุข และมีชุดติดตามโดย อาสาสมัครสาธารณสุข เจ้าหน้าที่เขต ฯลฯติดตามต่อเนื่อง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/IMG_0388-1024x742.jpeg)
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/12/IMG_0389-1024x729.jpeg)
นพ.จเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่าได้แนะนำ Ms.Saima ในฐานะว่าที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะรับตำแหน่งในเดือนก.พ.2567 ว่าท่านควรระดมความรู้จากประเทศสมาชิก เพื่อหาทางแก้ปัญหาสุขภาพจิตอย่างเป็นระบบ และยกระดับบริการ ในส่วนของประเทศไทยก็ยอมรับว่าระบบบริการด้านสุขภาพอาจยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราควรใช้ประโยชน์ จากภาวะการนำของ Ms.Saima ช่วยระดมสมองหลายๆประเทศ และมองว่าเป็นโอกาสในการปรับปรุงระบบต่อไป