นายกฯ เป็นประธานที่ประชุม 24 ต.ค.นี้ เคาะนำร่องบัตประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ทุกโรงพยาบาล 4 เขตสุขภาพ + 4 จังหวัด ทุกเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัด พร้อมเชื่อมโยงฐานข้อมูลรองรับการดำเนินงาน
วันนี้ (20 ต.ค. 2566) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ Quick Win (แผนปฏิบัติการเร่งรัด) ยุคเปลี่ยนผ่าน “ก้าวสู่ระบบสุขภาพปฐมภูมิที่มีคุณภาพ 30 บาท รักษาทุกโรคยุคใหม่” โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหาร สาธารณสุขอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม 900 คน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/IMG_8438-1024x683.jpeg)
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ประกาศนำร่องบัตรประชาชนรักษาทุกที่ใน 4 เขตสุขภาพ ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 1, 4, 9 และ 12 ซึ่งมีความพร้อมที่จะดำเนินการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่ครอบคลุมทุกเครือข่ายมากยิ่งขึ้น ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ วันที่ 24 ตุลาคม 2566 ที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานนอกจากจะเสนอการดำเนินงานเรื่องนี้ใน 4 เขตสุขภาพนำร่องแล้ว จะหารือที่ประชุมเพื่อประกาศเพิ่ม 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส ซึ่งมีความพร้อมที่จะเดินหน้าตามเป้าหมายให้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ทุกเครือข่ายทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น สังกัดมหาวิทยาลัย สังกัดกลาโหม รวมถึงคลินิก ร้านขายยา และแล็บ เป็นต้น
สำหรับ 4 เขตสุขภาพ มีจำนวน 27 จังหวัด ได้แก่
- เขตสุขภาพที่ 1 ครอบคลุม 8 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน พะเยา ลำปางลำพูน และแม่ฮ่องสอน
- เขตสุขภาพที่ 4 ครอบคลุม 8จังหวัด สระบุรี นนทบุรี ลพบุรี อ่างทอง นครนายก สิงห์บุรีพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี
- เขตสุขภาพที่ 9 ครอบคลุม 4จังหวัด นครราชสีมา ชุยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์
- เขตสุขภาพที่ 12 ครอบคลุม7 จังหวัด พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
“การนำร่องใน 4 จังหวัดที่เพิ่มเติมมา ไม่ได้หมายความว่า เฉพาะประชาชนในจังหวัดนั้นเท่านั้นที่จะใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ได้ แต่ประชาชนที่เดินทางไปยัง 4 จังหวัดนำร่องดังกล่าวก็สามารถรับบริการได้เช่นกัน โดยหลังจากที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว จะมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลในโครงข่ายการให้บริการโดยเร็วต่อไป”
นพ.ชลน่าน กล่าว
ประชุม สสอ. ทำแผน Quick Win มุ่งสู่ระบบสุขภาพปฐมภูมิที่มีคุณภาพ
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวอีกว่า การแพทย์ปฐมภูมิ ถือเป็นบริการด่านแรกที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้แบบใกล้บ้านใกล้ใจ ดูแลตั้งแต่ส่งเสริม ป้องกัน ควบคุม รักษา และฟื้นฟู และเป็น 1 ใน 13 ประเด็น ในการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทพลัส เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ โดยการยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิเพิ่มความครอบคลุมการดูแลสุขภาพที่บ้านและชุมชน การรับยา ส่งยาทางไปรษณีย์การเจาะเลือดตรวจแล็บใกล้บ้าน 1 จังหวัด 1 โรงพยาบาล รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบนัดหมาย ระบบเทเลเมลดีซีน และการเสริมสร้างงานอนามัยโรงเรียนให้เข้มแข็ง 1 อำเภอ 1 โรงเรียน ซึ่งการพัฒนาในเรื่องดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน มีความเข้าใจบริบทของพื้นที่เป็นอย่างดี และสามารถออกแบบระบบบริการได้ตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ส่วนปัญหาการถ่ายโอน รพ.สต. นายแพทย์ชลน่าน บอกว่า หากไม่ดีกว่าเดิมจะถ่ายโอนไปทำไม ภาพใหญ่ตอนนี้ไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาว่าต้องถ่ายโอนเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ แต่จะต้องมีการประเมินหลังการถ่ายโอนช่วง ปี 67 และปี 68 สิ่งสำคัญคือเราจะทำยังไงให้ประชาชนได้ประโยชน์ โดยปัจจุบันรพ.สต.ถ่ายโอนไปรวมแล้วราว 4,000 แห่ง ส่วนบุคลากรอีก 60% ไม่ได้แสดงเจตจำนงว่าจะไป เราต้องจัดการให้ดี โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่าน ส่วนปัญหาต่างๆให้เสนอมาให้ผม จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับทางคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ หรือก.ก.ถ.ต่อไป
การจัดประชุมในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้บริหารในระดับอำเภอ เพื่อที่จะนำนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้ง Quick Win 10 เรื่องเช่น บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ มะเร็งครบวงจร ส่งเสริมการมีบุตร จัดตั้งศูนย์ธัญญารักษ์ดูแลผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลอัจฉริยะ ระบบการแพทย์ทางไกลสถานชีวาภิบาลและคลินิกผู้สูงอายุ เป็นต้น ไปเร่งรัดขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพประชาชนให้ครอบคลุมทุกมิติต่อไป
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/10/IMG_8437-1024x575.jpeg)