“หมอชลน่าน” ประชุมผู้บริหารนัดพิเศษ ชี้แจง 12 ประเด็นนโยบาย เดินหน้า เห็นผลใน 100 วัน ขณะที่ 7 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 8 เริ่มนำร่องใช้บัตรประชาชนรักษาทุกที่แล้ว
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/09/IMG_7778-1024x680.jpeg)
วันนี้ (15 ก.ย. 2566) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว่าใน 100 วันแรก กระทวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันผลักดันนโยบายเรื่องต่าง ๆ ให้เห็น Quick Win ที่เป็นรูปธรรมขณะเดียวกันก็จะไม่ละเลยการดูแลบุคลากรสาธารณสุขทุกคน เพราะเชื่อว่า เมื่อผู้ให้บริการมีความสุข ย่อมส่งผลถึงประชาชนผู้รับบริการด้วยเช่นกัน และหวังว่าเราจะมีระบบสาธารณสุขที่เหมาะสมสำหรับทุกคน
สำหรับการขับเคลื่อนงานของกระทรวงสาธารณสุข จะน้อมนำและพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และ ยกระดับ 30 บาทพลัส ที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของคนไทย ผ่านนโยบาย 12 ประเด็น ได้แก่ 1.โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 โรงพยาบาล และปริมณฑล2.สุขภาพจิต/ยาเสพติด 3.มะเร็งครบวงจร 4.สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร 5.การแพทย์ปฐมภูมิ 6.สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ 7.สถานชีวาภิบาล 8.พัฒนาโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย 9.ดิจิทัลสุขภาพ 10.ส่งเสริมการมีบุตร 11.เศรษฐกิจสุขภาพ และ 12.นักท่องเที่ยวปลอดภัย
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/09/IMG_7777-1024x683.jpeg)
ปักธง บัตรประชาชนรักษาทุกที่ เป็น นโยบาย Quick Win ทำได้ทันที
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ เชื่อว่าเป็น Quick Win ที่สามารถทำได้รวดเร็ว หลังเทคโนโลยีมีความพร้อม-นำร่องบางส่วนมาแล้ว ยืนยันไม่กังวลประชาชนมุ่งเข้ารับบริการ โรงพยาบาลใหญ่ ต่อไปจะเกิดความสมดุลจากหน่วยบริการใกล้บ้านที่ถูกยกระดับมากขึ้น โดยจากข้อมูลย้อนหลังพบว่ามีประชาชนที่เข้ารับบริการนอกเขตจังหวัดประมาณ 20% หรือที่ออกไปนอกเขตสุขภาพเลยนั้นมีเพียง 4%
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในส่วนของฐานข้อมูลที่ต่อไปจะขึ้นไปอยู่ในระบบคลาวด์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายนั้น ปัจจุบันก็มีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว รวมทั้งองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น ความปลอดภัยของข้อมูล การละเมิดสิทธิผู้ป่วย ฯลฯ เชื่อว่าประเด็นเหล่านี้สามารถจัดการได้ทั้งหมด รอเพียงความชัดเจนทางนโยบายเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนให้สำเร็จได้ในเร็ววัน ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีระบบคลาวด์ ยังอาจช่วยให้ค่าใช้จ่ายนั้นถูกลงจากระบบที่ใช้อยู่เดิม
นพ.จเด็จ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับบทบาทของหมอครอบครัว ยังเชื่อว่าจะมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นจากทิศทางของนโยบายที่มุ่งเน้นไปยังบริการปฐมภูมิ ตั้งแต่การส่งเสริมป้องกัน ไปถึงการรักษาโรคในเบื้องต้น ดังนั้นจึงแน่นอนว่าหมอครอบครัวจะมีบทบาทมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง ส่วนแพทย์ในโรงพยาบาลก็จะมีภาระงานที่ลดลงจากบริการต่างๆ ทั้งการรับยาใกล้บ้าน ส่งยาทางไปรษณีย์ หรือการเจาะเลือดตรวจแล็บใกล้บ้านจึงเชื่อว่านโยบายต่างๆ ที่ถูกคิดออกมานั้นมีความรอบคอบ ในการสร้างสมดุลระหว่างภาระงานของบุคลากร กับบริการที่ประชาชนจะได้รับ
บัตรประชาชนรักษาทุกที่ เริ่มแล้ว 7 จังหวัด เขตสุขภาพที่ 8
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 8 ซึ่งประกอบด้วย 7 จังหวัด คือ อุดรธานี สกลนคร นครพนม เลยหนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ เป็นเขตที่นำร่องนโยบายยกระดับ 30 บาท ด้วยการใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ซึ่งทำระบบข้อมูลของผู้ป่วยอัพโหลดไว้ในระบบคลาวด์ (Cloud) ข้อมูลจึงเชื่อมกันทั้งหมด จะทำให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เหมือนกันทั้ง 88 แห่ง เมื่อคนไข้ไปรับบริการที่โรงพยาบาลใดแพทย์ก็สามารถดูข้อมูลและประวัติการรักษาของคนไข้ในโรงพยาบาลอื่นได้ เป็นการแก้ปัญหาการต้องไปเอาใบส่งตัว ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สะดวก เราทำเพื่อตอบโจทย์ประชาชน และอนาคตก็จะพัฒนาเชื่อมข้อมูลกับสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่อยู่ในกรมอื่นด้วย เช่น ศูนย์มะเร็ง หรือโรงพยาบาลจิตเวช เป็นต้น