สธ.เปิด “คลินิกผู้สูงอายุ” ในโรงพยาบาลทุกระดับ เข้าถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง

คาด ปี 2583 ไทยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุอันดับ 1 ในอาเซียน  ร้อยละ 4 ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  ประสานหน่วยงานทุกระดับเร่งสำรวจ ฟื้นฟู ป้องกัน ตามแนวทางรองรับสังคมสูงวัยสมบูรณ์

จากการคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติระบุว่า พ.ศ.2583  ประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรสูงอายุ(60 ปีขึ้นไป) มากเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ปัจจุบัน (มิเตอร์ประเทศไทย มหาวิทยาลัยมหิดล, 18 ธ.ค.2565) ประเทศไทยมีประชากรรวม 66.21 ล้านคน เป็นผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป 13.28 ล้านคน หรือร้อยละ 20.05 ของประชากรทั้งประเทศ นั่นหมายถึงขณะนี้ประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์และยังมีการคาดการณ์ว่าอีกไม่ถึง 10 ปี (พ.ศ.2574) จะมีผู้สูงอายุที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 25% และประมาณ 4% ของผู้สูงอายุ จะไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเอง

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ​อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเข้าสู่สังคมสูงวัยและให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ  มีแผนการที่จะขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพผู้สูงอายุให้ได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและทั่วถึง มุ่งเน้นให้มีมาตรการในการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเป็นนโยบายสำคัญ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ

โดยในช่วงปีใหม่ 2566 ที่ผ่านมานายอนุทิน ได้มอบนโยบายให้ดำเนิน โครงการของขวัญปีใหม่สำหรับผู้สูงอายุ  ​โดยกรมการแพทย์ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานร่วมกับกองบริหารการสาธารณสุข และโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบด้านการดูแลรักษาเมื่อผู้สูงอายุได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงในกลุ่มอาการสูงอายุหรือโรคที่เป็นปัญหาสำคัญ ได้รับการส่งต่อเข้ารับการดูแลรักษาที่ “คลินิกผู้สูงอายุ” ในโรงพยาบาลทุกระดับ พร้อมทั้งร่วมมือกับ สปสช. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตผู้สูงอายุ เช่น ปัญหาสายตา ปัญหาด้านการกลั้นปัสสาวะ โดยการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น อาทิ แว่นสายตา ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และอื่น ๆ ที่จำเป็นให้แก่ผู้สูงอายุ

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า กรมการแพทย์ได้วางแนวทางในการขับเคลื่อน โครงการของขวัญปีใหม่สำหรับผู้สูงอายุ” พ.ศ. 2566 ในประเด็นหลัก ๆ ดังนี้  

  1. สนับสนุนการจัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับตามแนวทางเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ(Geriatric approach) เพื่อรองรับการเข้าถึงบริการรับส่งต่อผู้สูงอายุกลุ่มที่มีความเสี่ยงหรือมีปัญหากลุ่มอาการสูงอายุ (Geriatric Syndromes) จากการคัดกรองโดยอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จัดทำมาตรฐานและส่งเสริมการจัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับ 
  2. จัดทำหลักสูตรด้านผู้สูงอายุและฝึกอบรมบุคลากรที่มีหน้าที่ในดูแลรักษาผู้สูงอายุ ได้แก่ แพทย์พยาบาล แพทย์แผนไทย นักวิชาการสาธารณสุขและวิชาชีพอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ 
  3. เตรียมพร้อมด้านเทคโนโลยีสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปสู่การวินิจฉัยกำหนดแนวทางดูแลรักษารายบุคคล สามารถรับส่งต่อระหว่างหน่วยบริการและจัดการข้อมูลดูแลรักษาได้อย่างเชื่อมโยงด้วยระบบ DMS Care Tools  
  4. บูรณาการงานร่วมกันระหว่างกรมอื่น ๆ ในกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เช่น ร่วมสนับสนุนการตรวจวินิจฉัยโรคทางสายตา และสนับสนุนแว่นตา

โดยมีเป้าหมายสำคัญคือเพื่อปิดช่องว่างความไม่เท่าเทียมและมุ่งสร้างความทั่วถึงด้านการเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุในคลินิกผู้สูงอายุ กระจายโอกาสให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาได้รับการดูแลรักษา ตลอดจนช่วยชะลอการเข้าสู่ภาวะพึ่งพิงและให้ผู้สูงอายุคงศักยภาพในการดำเนินการชีวิตอย่างมีคุณภาพ

สำหรับ “คลินิกผู้สูงอายุ” เปิดให้บริการประเมินสภาวะสุขภาพผู้สูงอายุ ดังนี้ 

1.ประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน 

2.คัดกรองความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 

3.คัดกรองความเสี่ยงหกล้ม 

4.ประเมินสุขภาพช่องปาก 

5.คัดกรองข้อเข่าเสื่อม 

6.คัดกรองภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่  

7.ประเมินปัญหาด้านการนอน 

8.คัดกรองภาวะซึมเศร้า 

9.คัดกรองภาวะสมองเสื่อม 

10.คัดกรองสุขภาวะทางตา 

11.คัดกรองภาวะด้านโภชนาการ รวมถึงให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องการใช้ยาและการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 

โดยมีสหวิชาชีพทั้ง แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และนักโภชนาการ เป็นต้นด้วยเครื่องมือที่มีคุณภาพสูง ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแล รักษา ป้องกันและฟื้นฟูได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active