‘ชาวบ้านหนองพะวา’ ขอเร่งแก้ปัญหา หลังไฟไหม้มานานเกือบเดือน ยังไร้ความคืบหน้า เสนอ 4 ข้อเรียกร้อง ติดตามคุณภาพอากาศ ตรวจสุขภาพชาวบ้าน ป้องกันผลกระทบ
วันนี้ (15 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าว Thai PBS รายงานว่า กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุ เพลิงไหม้โกดัง โรงงานขยะ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ประกอบด้วย กลุ่มรักษ์หนองพะวา ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน พระสงฆ์จากวัดหนองพะวา จำนวนกว่า 200 คน เข้าพบ ไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาโรงงานขยะ บริษัท วิน โพรเสส ที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบมานานกว่า 10 ปี และล่าสุดเกิดเหตุไฟไหม้โกดังที่เก็บสารเคมีเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนหนัก แต่กลับยังไม่เห็นการแก้ไขที่ชัดเจน
ผ่องพันธ์ เจริญรมย์ กำนัน ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง กล่าวในฐานะตัวแทนชาวบ้าน ว่า ข้อเรียกร้องขอให้ดำเนินการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โกดังของ บริษัท วินโพรเสส จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย ซึ่งอยู่ห่างจากวัดหนองพะวาเพียง 500 เมตร และยังพบว่าเป็นโรงงานที่ลักลอบกักเก็บสารเคมีอันตราย ผิดกฎหมายจำนวนมาก
ผ่องพันธ์ บอกด้วยว่า หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ เมื่อ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถยับยั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ ภายในโรงงานยังมีควัน มีไฟปะทุแบบรายวัน ทำให้ชาวบ้านใน ต.บางบุตร และใกล้เคียงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากกลิ่นของสารเคมีอันตราย ที่มีผลกระทบทางด้านความเป็นอยู่ และสุขภาพ เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ หลายคนมีอาการแสบตา แสบจมูก เกิดอาการอักเสบ ตามผิวหนัง และยังไม่ทราบอาการที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
โดยมีข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 4 ข้อ ได้แก่
- ขอให้จัดตั้งคณะกรรมการทำงานเพื่อกำหนดแผนงานจัดการสารเคมี ใน วิน โพรเสส ภายใน 7 วัน โดย ขอให้เริ่มขนย้ายสารเคมีอันตรายถังแรกออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ ในส่วนของการขนย้ายสารเคมีอันตรายทั้งหมด ต้องจัดการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
- ขอให้มีการตรวจสุขภาพ เพื่อหาสารพิษปนเปื้อนในร่างกาย ผ่านการวินิจฉัยของแพทย์อย่างละเอียด และขอให้รายงานจำนวนผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและผื่นขึ้นตามผิวหนังในขณะนี้ว่ามีจำนวนกี่ราย และทางหน่วยงานสาธารณสุขมีแผนงานจะทำการรักษาและติดตามผลอย่างไรต่อไป
- ขอให้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ที่ป้องกันสารพิษ ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบทันที รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ และนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองพะวา
- ขอให้มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศตลอด 24 ชั่วโมง โดย ต้องแจ้งข้อมูลให้ประชาชนในพื้นที่ รับทราบผ่านบอร์ด หรือ แผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้ง นำข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ก๊าซพิษ อธิบายให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ ได้รับทราบ เพื่อจะได้วางแผนป้องกันตนเอง
“ทุกคนมีความเดือดร้อน และที่ผ่านมาไม่เคยรับการเหลียวแลแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหมือนกับชาวหนองพะวาไม่ใช่คน และการนำชาวบ้านมาในวันนี้ ถ้าหากผู้ว่าฯ ระยอง จะให้เซ็นลาออกจากการเป็นกำนันก็ยอม”
ผ่องพันธ์ เจริญรมย์
ด้าน ไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ามารับหนังสือ รับฟังคำร้องจากกลุ่มชาวบ้าน โดยกล่าวว่า เบื้องต้นทางจังหวัดได้ตั้งคณะทำงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่ได้รับผลกระทบที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ที่ว่าการอำเภอบ้านค่าย อบต.บางบุตร อบต.หนองบัว คณะงานเยียวยา มีประชาชนไปลงทะเบียนแล้วกว่า 700 คน โดยจะใช้งบประมาณท้องถิ่นเยียวยา รายละ 3,000 บาท และตั้งคณะทำงานติดตามช่วยเหลือและชดใช้เยียวยาค่าเสียหายระหว่างผู้รับผลกระทบและ บริษัท วิน โพรเสส เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับการเยียวยา
ไตรภพ ระบุด้วยว่า สำหรับการขนกากสารเคมีนั้นเบื้องต้น ได้พูดคุยกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทราบว่า จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานฯ จะนำผู้รับเหมาที่รับกำจัดกากสารเคมี 3 ราย มาดูมาพื้นที่ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ เพื่อจะดำเนินการขนกากสารเคมีในโรงงาน คาดว่าจะเร่งขนย้ายในวันที่ 18 พ.ค.นี้ โดยนำเงินที่วางประกันที่ศาล จำนวน 4.6 ล้านบาท มาดำเนินการในเบื้องต้น และส่วนที่เหลือกรมโรงงานฯ จะ เร่งขนย้ายไปก่อน และค่อยของบประมาณส่วนกลางมาทีหลัง
ส่วนการตรวจสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ได้รับผลกระทบเป็นผดผื่นคัน ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลเคลื่อนที่ได้ตั้งหน่วยตรวจสุขภาพที่วัดหนองพะวาทันที ส่วนการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันสารพิษได้ขอหน้ากากป้องกันมาจากเอกชน จำนวน 20,000 ชุด มอบให้ กำนัน ต.บางบุตร ไปแจกประชาชน 10,000 ชุด ส่วนอีก 10,000 ชุด จะสำรองไว้ที่ อ.บ้านค่าย
สำหรับการตรวจวัดคุณภาพอากาศ 24 ชั่วโมงนั้น ผู้ว่าฯ ระยอง บอกอีกว่า ขณะนี้ได้ขอเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ มาประจำไว้ที่ อบต.บางบุตร แต่ถ้าประชาชนคิดว่าไม่เพียงพอ จะประสานบริษัทเอกชน และ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ขอรถโมบายตระเวนตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อไป
“ส่วนกรณีที่ กำนัน ต.บางบุตร ที่พาลูกบ้านมาร้องเรียนในวันนี้ จะลงโทษหรือไม่นั้น สโลแกนกระทรวงมหาดไทยคือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ประชาชน ซึ่งตนเป็นคนระยอง พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมา ตนจะนิ่งดูดายได้อย่างไร ซึ่งกำนันนำความทุกข์ชาวบ้านมาแจ้งผู้บังคับบัญชาอย่างนี้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยิ่ง ซึ่งไม่มีทางปลด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นแขนขาในการทำงาน ขอยืนยันว่าทุกภาคส่วนเร่งทำงานแก้ไขเต็มมาตรการ แต่บางเรื่องติดข้อกฎหมายจำเป็นต้องรอ ต้องใช้เวลา”
ไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์
หลังรับฟังการชี้แจงจาก ผู้ว่าฯ ระยองแล้ว ชาวบ้านพร้อมให้เวลาการทำงาน หากไม่มีความคืบหน้าพร้อมจะยกขบวนเดินทางมาพบอีกครั้ง