ผ่านครึ่งเดือน! ชาวบ้านหนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ยังคงเสี่ยงผลกระทบหนัก หลังเพลิงวอดโรงงานขยะ วิน โพรเสส วอนหน่วยงานแก้ไขจริงจัง เผยไฟยังปะทุ ส่งกลิ่นเหม็นตลอดทั้งวัน
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 67 The Active ลงพื้นที่บ้านหนองพะวา หมู่ที่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง สำรวจความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ หลังเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานขยะของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพบว่า ชาวบ้านเริ่มทยอยกลับมาอยู่ที่บ้านหลังต้องย้ายออกไปชั่วคราวขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้
เทียบ สมานมิตร ชาวบ้านหนองพะวา เจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกับด้านหลังของโรงงาน ซึ่งเป็นจุดที่ไฟเริ่มปะทุขึ้น พาทีมข่าวเดินดูตามแนวเขตที่ติดกับโรงงาน พร้อมกับเล่าว่า ที่ดินมีทั้งหมด 36 ไร่ ติดกับโรงงานไป 50% ซึ่งก่อนที่จะมีโรงงานมาตั้ง ได้ขุดสระน้ำไว้ใช้เพื่อทำสวนผลไม้ ก่อนจะเปลี่ยนมาปลูกยางพาราเพราะเห็นว่าราคาดี แต่เมื่อโรงงานมาตั้ง ก็เริ่มได้กลิ่นเหม็น น้ำเริ่มเปลี่ยนสี กระทั่งปี 2560 ต้นยางบริเวณขอบสระเริ่มตาย ดินบริเวณรอบโรงงานเป็นสีส้ม เชื่อว่าน้ำเป็นกรด มีสารเคมีอีกหลายชนิด กระจายลงใต้ดิน ทำให้ต้นยางตาย ส่วนบ้านในสวนก็ย้ายออกอยู่ไม่ได้มา 8 ปีแล้ว และหลังเกิดเหตุสังเกตเห็นว่ามีน้ำสีแดง ไหลเข้ามาในสระ
“ลุงพูดไม่ออก ชนะคดีก็ไม่ได้เงิน โอกาสได้แทบไม่มี ตอนนั้นฟ้องกัน 15 ราย เรียกไป 8 ล้านกว่าบาท ศาลตัดสินให้ได้รับค่าชดเชย 5 ล้านกว่าบาท ยังไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ที่จริงก่อนหน้านี้มีคนมาขอซื้อไร่ละล้าน ไม่ได้ขาย เพราะไม่รู้ว่าจะมาเจอแบบนี้ และเป็นที่ดินมรดกตกทอด ตอนนี้มาบอกให้ ไม่เอา เหมือนที่ดินตายแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ปลูกอะไรไม่ขึ้น”
เทียบ สมานมิตร
เทียบ ยังบอกอีกว่า ถ้าจะมีโรงงานขยะตั้งในหมู่บ้านอีกคงไม่มีใครยอม เพราะที่นี่เป็นปัญหาค้างคามากว่า 10 ปี แม้เขาจะพยายามทอดลองปลูกพืชอีกหลายอย่าง โดยการหาดินมาถมยกพื้นให้สูงขึ้น เพราะที่ดินทั้งแปลงขุดดูเปลี่ยนสีไปหมดแล้ว คาดว่าน่าจะเสียทั้งแปลง
“วันนี้ฟ้าร้องเหมือนฝนจะตก กลัวฝนตกมาก เพราะจะยิ่งหนัก แม้ อบต. จะเอารถแบคโฮมาขุดทำคันดินไว้ แต่สภาพตอนนี้คือน้ำไม่มีทางไปน้ำก็คงจะล้นเข้ามาในนี้อีก ถ้าฝนตกหนัก ๆ น้ำจะไหลขึ้นถนนเลย เพราะทางน้ำที่ไหลตามปกติถูกถม ถ้าฝนตกหนักรับรองถนนเป็นคลองแน่นอน”
เทียบ สมานมิตร
สนิท มณีศรี ชาวบ้านหนองพะวา บอกว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา เห็นไฟไหม้ที่โกดังฝั่งที่ติดกับสวนของลุงเทียบ เลยถ่ายคลิปไว้เพื่อส่งให้หน่วยงาน และนักข่าวดู ในช่วงแรกไม่มีใครเข้ามาจนระเบิด มองเห็นฝาถังบรรจุสารเคมีระเบิดลอยขึ้นฟ้า เสียงน่ากลัว และกลิ่นแรงมาก จากนั้นได้ระดมชาวบ้าน ให้มาช่วยกันถางสวนให้เตียนนำหินมาเท หวังให้เป็นทางรถดับเพลิงเข้า แต่ปรากฎว่ารถดับเพลิงไปเข้าฝั่งโรงงาน ไฟตรงนี้ก็ไม่มอดเสียที ซึ่งเรื่องการต่อต้านนี้ชาวบ้านสู้กันมาตลอด สู้จนชนะที่ศาล แต่ยังไม่เคยได้มีการแก้ไข และต้องมาเจอกับเหตุซ้ำอีก
“แม้จะผ่านมา 2 สัปดาห์ แต่ไม่เคยวางใจกับเพลิงในโรงงานเลย ต้องมาคอยสังเกตการณ์ทุกวันว่าไฟจะติดขึ้นมาอีกไหม เพราะเมื่อเช้าวันที่ 5 พ.ค. เวลาประมาณ 7 โมง ก็มีเพลิงไฟลุกขึ้นมาอีกครั้ง และก็มีควันไฟเกิดขึ้นหลายจุด กังวลว่าหากฝนตกจะทำให้สารเคมีในโรงงานออกมาปนเปื้อนพื้นที่ข้างนอกมากขึ้น รวมทั้งในโรงงานยังมีสารเคมีที่ทราบมาว่าหากเจอน้ำก็จะติดไฟ”
สนิท มณีศรี
ขณะที่ สมยศ ประกอบสุข ชาวบ้านหนองพะวา เล่าว่า เขาเป็นอีกคนที่ต้องพาครอบครัวย้ายออกจากบ้านในวันเกิดเพลิงไหม้ แม้ว่าวันนี้จะกลับมาแล้ว แต่ต้องลุ้นทุกคืนว่ากลิ่นเหม็นจะมาอีกหรือไม่ ส่วนเด็ก ๆ ยังให้อยู่ที่บ้านญาติก่อนจนกว่าจะเปิดเรียน หรือสถานการณ์จะดีขึ้น แต่เมื่อถามหาความต้องการช่วยเหลือ เขาบอกว่าดูไร้วี่แวว เพราะที่ผ่านมายังไม่เห็นความชัดเจนในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
“จะมาช่วยอะไรได้บ้างครับ ช่วยสื่อสารให้หน่อยนะ เมื่อคืนเกือบเที่ยงคืนต้องออกไปที่อื่น เพราะเหม็นจัดเลย ต้องไปอยู่บ้านญาติ เราจะทำไง ตอนที่โรงงานไฟยังไม่ไหม้ เราได้กลิ่นมาตลอด เพราะอยู่ใต้ลม เหม็นเหมือนจะอ้วก เหมือนลานมันเสีย ๆ อยากให้สื่อสารให้ทางเรากลับมาอยู่บ้านได้สักที อยากให้ปิด ให้จบ ขนออกไปให้หมด เราจะได้อยู่บ้านได้ หน่วยงานไหนเข้ามาก็ได้แต่มาอธิบายหลักการอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่เคย แทบไม่ได้ช่วยเลย 15 วันแล้วนะตอนนี้ เรื่องเยียวยาไม่ต้องพูดถึง ไม่ใช่ไม่อยากได้ แต่ตอนนี้เอามันออกไปก่อน ศาลสั่งมายังไม่เคยเห็นย้ายเลย”
สมยศ ประกอบสุข