กทม. เร่งหาทางจัดการ ‘แคดเมียม’ ซุกโรงงานย่านบางซื่อ

หลังประกาศพื้นที่อันตราย แพทย์เร่งตรวจคุณภาพน้ำ ตรวจหาสารปนเปื้อนในร่างกายประชาชน ขณะที่ การประปาฯ มั่นใจ น้ำสะอาด ไร้สารอันตราย

อาจเป็นรูปภาพของ ลานเก็บไม้ขาย และ ข้อความ

กรณีการตรวจพบสารเคมีประเภทกากแคดเมียม ภายในบริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร เบื้องต้นตรวจสอบแล้ว พบสารเคมี จำนวน 98 ถุง น้ำหนักประมาณ 150 ตัน ขณะนี้สำนักงานเขตบางซื่อได้ประกาศเป็นเขตพื้นที่อันตราย ห้ามอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการในพื้นที่ที่กำหนด เนื่องจากเป็นสารเคมีชนิดร้ายแรง และอันตรายต่อชีวิต ซึ่งทาง กรุงเทพมหานคร ได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดตอบโต้ภาวะฉุกเฉินสารเคมีและวัตถุอันตราย ใช้อุปกรณ์ตรวจหาสารในน้ำรอบโรงงานเบื้องต้นแล้ว พบว่า ไม่มีการปนเปื้อนแคดเมียมแต่อย่างใด ขอให้มั่นใจว่าไม่มีการฟุ้งกระจายของสารออกไปชุมชนโดยรอบ แต่ก็จะมีการตรวจหาอย่างรัดกุมอีกครั้งหนึ่งนั้น

วันนี้ (11 เม.ย. 67) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงกรณีดังกล่าว โดยเบื้องต้นจะเร่งตรวจหาสารในร่างกายพนักงาน 20 คน จากนั้นจะเร่งประสานกับ กรมควบคุมมลพิษ ตรวจหาสารแคดเมียมในน้ำ และดิน ยืนยันขอให้ประชาชนมั่นใจความปลอดภัย ส่วนการขนย้ายฝังกลบ เชื่อว่าอาจใช้เวลา แต่มาตรการป้องกันที่ดีต้องมาก่อน เพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างรัดกุมที่สุด และไม่ให้มีการรั่วไหล

ผู้ว่าฯ กทม. ได้กล่าวขอบคุณกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ออกตรวจโรงงาน ประกอบด้วย โรงเคลือบโลหะ 154 แห่ง โรงหลอมโลหะ 98 แห่ง จึงได้ออกคำสั่งให้ตรวจทั้งหมด ส่วนจุดที่มาตรวจวันนี้เป็นที่เก็บวัสดุเก่า ซึ่งได้ออกคำสั่งให้ตรวจเพิ่มเติมในแหล่งเก็บวัสดุเก่าเป็นการเร่งด่วนด้วย ในส่วนของเขตบางซื่อ มี 4 โรง โดยจุดที่มาตรวจมี 3 โรง ซึ่งเป็นใบอนุญาตต่อเนื่องกัน ส่วนอีกโรงที่ประชาชื่นตรวจแล้วไม่พบปัญหาใด

ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำว่า มาตรการขั้นแรกคือต้องสืบค้นหาต้นตอให้เจอ และต้องขอขอบคุณทางตำรวจที่สืบหาเชิงลึกจนเจอแม้จะหาไม่ได้ง่ายเพราะอาจมีการปกปิด จากนั้นสิ่งที่ต้องทำทันทีคือการประกาศพื้นที่สาธารณะภัยตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 โดยให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ เป็นผู้ประกาศ พร้อมทั้งร่วมกับกรมควบคุมโรคเร่งดำเนินการตรวจสุขภาพของคนในพื้นที่ทั้งหมด

การประปาฯ ยืนยัน ประชาชนยังใช้น้ำได้อย่างมั่นใจ

ขณะที่ การประปานครหลวง (กปน.) ยืนยันว่า น้ำประปาของ กปน. ยังคงสะอาด ปลอดภัย เบื้องต้น ยังไม่พบผลกระทบต่อคุณภาพน้ำประปา และประชาชนสามารถอุปโภคบริโภคน้ำประปาได้อย่างมั่นใจ ทาง กปน. อธิบายว่า แหล่งผลิตน้ำประปามาจาก 2 แหล่ง คือแม่น้ำเจ้าพระยา รับน้ำจากจุดรับน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี และเขื่อนแม่กลอง รับน้ำจากจุดรับน้ำดิบท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งคุณภาพน้ำดิบทั้ง 2 แหล่ง ปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแหล่งน้ำผิวดิน ประเภทที่ 2-3 ไม่มีการปนเปื้อนจากโลหะแคดเมียม

กปน. อธิบายว่า ทั่วไปแล้ว จะมีการตรวจสอบเฝ้าระวังสารพิษโลหะหนักในน้ำประปาเป็นประจำทุกเดือน ผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำประปาที่ผ่านมา พบว่า ไม่พบสารแคดเมียม หรือพบในปริมาณที่น้อยมาก มีค่าอยู่ในช่วง น้อยกว่า 0.0001-0.0004 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์แนะนำน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก (WHO) (ต้องไม่เกิน 0.003 มิลลิกรัมต่อลิตร) ดังนั้น ประชาชนในพื้นที่บริการของ กปน. จึงมั่นใจได้ว่าน้ำประปาสามารถนำไปใช้อุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย

นพ.นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาพเขตเมือง เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำใช้ น้ำดื่ม น้ำทิ้งในบริเวณรอบโรงงาน 1 กิโลเมตร เนื่องจากพบว่าโรงงานแห่งนี้มีท่อระบายน้ำทิ้งเชื่อมต่อไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งต้องตรวจสอบว่ามีระบบการคัดกรองหรือบำบัดน้ำเสียหรือไม่ จึงอยากให้ประชาชนที่อาศัยใกล้เคียงแม่น้ำเจ้าพระยา หลีกเลี่ยงการใช้น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติไปก่อน จนกว่าจะมีการสรุปผลการทดสอบคุณภาพน้ำ

นอกจากนี้จะมีการตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกายของพนักงานโรงงาน หากไม่พบประวัติว่าโรงงานแห่งนี้เคยถลุงแคดเมียม สารก็จะไม่ฟุ้งกระจาย อาจไม่เป็นอันตรายต่อผู้อาศัยโดยรอบนัก ทั้งนี้ แคดเมียมสามารถเข้าสู่ร่างกายจากการหายใจการกินและการสัมผัสก็สามารถซึมเข้าผิวหนังได้

ขณะที่ประชาชนผู้อาศัยโดยรอบโรงงานดังกล่าว เริ่มมีความกังวลใจ วอนภาครัฐจัดหาแพทย์มาตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกาย เพื่อสร้างความมั่นใจ และเร่งดำเนินการนำกากแคดเมียมออกจากพื้นที่โดยเร็ว

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active