สุดทน! ชาวเหนือ ฟ้องเอาผิด นายกฯ เมินจัดการฝุ่น PM2.5

ประชาชนนัดรวมตัวศาลปกครองเชียงใหม่ วันจันทร์ 10 เม.ย.นี้ ชี้ชัด นายกฯ-รมต.-คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ-กลต. ละเมิดกฎหมาย ปล่อยผ่าน เหตุฉุกเฉินจากภาวะมลพิษ ทำประชาชนเสี่ยงตายผ่อนส่ง  

จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด ยังอยู่ในขั้นวิกฤตและค่าฝุ่นกระทบต่อสุขภาพมาเป็นเวลานานต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ล่าสุดเครือข่ายประชาชนเชียงใหม่ และอีกหลากหลายเครือข่าย ร่วมกันรณรงค์เชิญชวนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่น ร่วมกันสนับสนุนการฟ้องนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ฝุ่น

สุภาภรณ์ มาลัยลอย ผู้จัดการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) เปิดเผยกับ The Active ว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีอากาศสะอาดสำหรับหายใจ เพราะการใช้ชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์คือสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ แต่สถานการณ์ฝุ่นPM 2.5 ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยที่หน่วยงานรัฐ ทั้งรัฐบาลและหน่วยงานระดับท้องถิ่น ไม่ได้มีมาตรการรับมือ และแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้น เพื่อแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนจำนวนมากในหลายจังหวัดภาคเหนือ ต้องเผชิญสภาวะมลพิษทางอากาศอย่างรุนแรง และเสี่ยงภัยต่อสุขภาพ ทั้งในระยะเฉพาะหน้า และระยะยาว

“แม้มีกฎหมายหลายฉบับที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือ รวมทั้งแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2562 แต่ที่ผ่านมาการแก้ปัญหายังไม่เป็นรูปธรรม ทั้ง ๆ ที่เป็นปัญหาที่สามารถเตรียมการรับมือ และจัดแผนรองรับได้ล่วงหน้า สิ่งนี้แสดงถึงความไม่ใส่ใจของรัฐบาล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อปกป้องคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างชัดเจน”

ผู้จัดการ EnLAW บอกด้วยว่า การใช้ช่องทางกระบวนการยุติธรรมเพื่อยื่นฟ้องทางปกครอง ต่อนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ เพราะไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปี 2535 โดยเฉพาะใน มาตรา 9 ที่ระบุว่า เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุภยันตรายต่อสาธารณชน อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ หรือภาวะมลพิษที่เกิดจากการแพร่กระจายของมลพิษ ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนั้นจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน ให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจสั่งตามที่เห็นสมควร ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบุคคลใด รวมทั้งบุคคลซึ่งได้รับหรืออาจได้รับอันตรายหรือความเสียหายดังกล่าว กระทำหรือร่วมกันกระทำการใด ๆ อันจะมีผลเป็นการควบคุม ระงับ หรือบรรเทา ผลร้ายจากอันตรายและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่างทันท่วงที หากทราบว่าบุคคลใดเป็น ผู้ก่อให้เกิดภาวะมลพิษดังกล่าว ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งบุคคลนั้นไม่ให้กระทำการใดอัน

ตามมาตรา 9 ยังระบุให้นายกรัฐมนตรี สามารถมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการภายในเขตจังหวัดแทนนายกรัฐมนตรีได้ โดยให้ทำเป็นคำสั่ง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา รวมทั้งในมาตรา 10 ยังระบุไว้ด้วยว่า เพื่อป้องกันแก้ไข ระงับหรือบรรเทาเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุภยันตรายจากภาวะมลพิษดังกล่าว ให้รัฐมนตรีกำหนดมาตรการป้องกัน และจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าด้วย

“เครือข่ายประชาชนภาคเหนือจึงได้ร่วมกันฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง, พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ปฏิบัติการตามกฎหมายและนโยบายที่ได้มีการจัดทำไว้เพื่อลดทอนความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้”

สำหรับการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 10 เมษายนนี้ เวลา 10.00 น. ซึ่งขณะนี้มีผู้ยื่นฟ้องคดีรวม 11 คน และยังมีประชาชนตัวแทนคนภาคเหนือ อีกจำนวนมากร่วมลงชื่อสนับสนุนซึ่งเปิดรับอยู่ในเวลานี้ที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุน #คืนปอดให้ประชาชน ได้เช่นกัน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active