อนุ กมธ.ฯลงพื้นที่รับฟังปัญหาขยะภาคตะวันออก

ชาวบ้านร้องเรียนได้รับผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรมขยะ ถูกคุกคามข่มขู่ ปธ.อนุกรรมาธิการเสนอเพิ่มอำนาจหน่วยงานควบคุมมลพิษ

วันนี้ (21 ก.ย.) คณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎรร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยขยะที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากชาวบ้านหลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่าถูกข่มขู่คุกคามจากการเคลื่อนไหวเรื่องปัญหาขยะในพื้นที่ 

กัญจน์พงศ์ จงสุทธามณี โฆษกคณะกรรมาธิการ และประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยขยะที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน กล่าวว่า ปัญหาขยะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานหลายสิบปีและกำลังเป็นปัญหาระดับประเทศที่จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขเป็นองค์รวมทั้งระบบในระดับนโยบาย ซึ่งอนุกรรมาธิการฯ ได้ รวบรวมข้อมูลมานาน 7 เดือนแล้ว และครั้งนี้ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาโดยตรงก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน 

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ค้นพบโดยเฉพาะปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมและผลกระทบจากการดำเนินกิจการโรงงานขยะ เกิดจากการอนุญาตให้โรงงานขยะตั้งในพื้นที่สีเขียวได้ ซึ่งโรงงานมีการขยายตัวอย่างมากตั้งแต่ที่มีคำสั่ง คสช.ที่ 4/2559 ซึ่งกระทบกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เนื่องจากการดำเนินกิจการก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและพื้นที่เกษตร นอกจากนี้ข้อกฎหมายและอำนาจของหน่วยงานภาครัฐก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไข

“กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานเดียวที่มีอำนาจในการตรวจสอบ กำกับอนุญาต ขณะที่กรมควบคุมมลพิษมีอำนาจแค่รายงานผลการปนเปื้อนที่ตรวจพบ ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดี มีอำนาจจำกัด จึงเสนอให้มีการเพิ่มอำนาจโดยแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2535 ซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ”

ประธานอนุกรรมาธิการฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงการจัดการขยะระดับประเทศว่า การจัดการโดยนำขยะจากอีกที่หนึ่งไปกำจัดอีกที่หนึ่งถึงเวลาที่จะต้องทบทวนว่าเป็นแนวนโยบายที่ถูกต้องหรือไม่ ขยะกรุงเทพมหานครจำนวนมากถูกส่งมายังพื้นที่ภาคตะวันออก โดยที่คนกรุงเทพฯ ไม่รู้ว่าการกำจัดที่ไม่ได้มาตรฐานกำลังส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ เวลานี้ขยะเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศแต่การจำกัดด้วยการฝังกลบอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดอีกต่อไปแล้ว

ด้านตัวแทนชาวบ้าน บ้านหนองหอย ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี  บอกว่า มี 3 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานฝังกลบบ่อขยะ ประเภท 105 106  ซึ่งอยู่ใกล้กับชุมชน โรงเรียน วัด รัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตร จึงกังวลว่าจะปนเปื้อนแหล่งน้ำหลักที่ใช้ในการเกษตรของคนในพื้นที่และยังมีผลกระทบด้านการขนส่งขยะซึ่งมีพื้นที่ถนนคับแคบเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ 

“เสนอให้กรรมาธิการฯ แก้ไขหรือเพิกถอนใบอนุญาตของโรงงาน ตอนนี้ยังมีโรงงานประเภทเดียวกันอีกแห่งที่เตรียมจะยื่นขอใบอนุญาต ชาวบ้านขอคัดค้านเพราะไม่มั่นใจเห็นตัวอย่างจากหนองหอยแล้วเลยกลัว โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่เราใช้”

นอกจากนี้กรรมาธิการฯ ยังได้ลงพื้นที่ ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา   เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านซึ่งมีปัญหาคล้ายๆกันและจะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรายงานข้อมูลอีกครั้งหลังจากนี้

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active