เปิดแพลตฟอร์ม ‘Bangkok Budgeting’ ชำแหละงบฯ กทม. กระตุ้นประชาชน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบงบฯ ให้ตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่
วันนี้ (19 ตุลาคม 2567) WeVis ร่วมกับ HAND Social Enterprise และ National Democratic Institute (NDI) จัดเสวนาเชิงปฏิบัติการ เปิดโอกาสให้คนกรุงเทพฯ แลกเปลี่ยนความเห็นประเด็นงบประมาณกรุงเทพมหานคร หวังผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมกในการจัดสรรงบประมาณและออกแบบเมือง ชูแพลตฟอร์ม Bangkok Budgeting เป็นเครื่องมือสร้างความโปร่งใสในงบประมาณ สู่การทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม
Bangkok Budgeting: เปิดเผยอย่างโปร่งใส ให้ใคร ๆ ก็มีส่วนร่วมกับงบกรุงเทพฯ ได้
Bangkok Budgeting คือ โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มในรูปแบบเทคโนโลยีภาคประชาชน (Civic Tech) ที่มีเป้าหมายสำคัญคือการเปิดเผยข้อมูลงบประมาณของ กทม. ให้ทุกคนในฐานะผู้เสียภาษีได้เข้าใจและเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบงบประมาณ โดยเนื้อหาในแพลตฟอร์มมุ่งตอบคำถาม 3 ข้อสำคัญคือ
- ปัจจุบันกรุงเทพฯ วางแผนใช้งบฯ เพื่อพัฒนาเมืองอย่างไร
- ใช้งบประมาณเท่าไหร่
- ประชาชนมสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง
ในช่วงการเสวนา ศิรินทรีย์ ครุฑสูตร รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า งบประมาณของกรุงเทพมหานครอยู่ภายใต้กฎหมายประเทศ ต้องยึดโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีการจัดสรรงบฯ 40% เป็นของบุคลากร, 40% เป็นงบดำเนินการ และอีก 20% เป็นงบฯ ลงทุน โดยทางกทม. ตั้งใจผลักดันให้สัดส่วนงบฯ ลงทุนมีเพิ่มมากขึ้น ให้สอดคล้องกับแนวทางของหลายเมืองที่พัฒนาแล้ว เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมืองให้แข็งแรง
ที่ผ่านมาทางกรุงเทพฯ ได้ผลักดันนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยมีสัดส่วนงบฯ ลงทุนในด้านคมนาคม (เดินทางดี) มากที่สุด รองลงมาคือด้านสิ่งแวดล้อม (สิ่งแวดล้อมดี) ขณะที่ ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กล่าวเสริมในวงเสวนาถึงแนวทางการผลักดันการมีส่วนร่วมของประชาชนในมิติงบประมาณและนโยบาย โดยอธิบายว่า การจะสร้างเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมนั้นมีแนวทางอยู่ 3 ระดับด้วยกัน ดังนี้
- สอดส่อง ตรวจสอบ แจ้งปัญหา: ศานนท์ ยกตัวอย่างถึงแพลตฟอร์ม Traffy Fondue ที่เอื้อให้ประชาชนสามารถร่วมกันเป็นหูเป็นตา นำปัญหาแจ้งผ่านไลน์ทางการ ส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งตอนนี้ได้ย่นย่อขั้นตอนการร้องเรียนจาก 6 ขั้น เหลือเพียง 3 ขั้น ซึ่งข้อมูลที่ทางกทม. ได้รับจากการร้องเรียน จะช่วยให้การจัดสรรงบฯ เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่ขั้นนี้ ประชาชนยังไม่สามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นต่อการจัดสรรงบฯ
- นำเสนอ ร่วมลงมือทำ: ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ ศานนท์ ระบุว่า กทม. กำลังพัฒนาอยู่ ขณะนี้ได้มีการขับเคลื่อนในหลายกลไก เช่น การนำกระบวนการออกใบอนุญาตต่าง ๆ ขึ้นออนไลน์, สร้างเวทีในการมีส่วนร่วมคิดนโยบายอย่างสภาเมืองคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะผลักดันต่อในรูปแบบออนไลน์ และตอนนี้กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มในการขอเข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในเมือง เช่น พื้นที่แสดงดนตรี ห้องสมุด โรงมหรสพ เป็นต้น
- ตัดสินใจได้เอง: ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ ศานนท์ ตั้งใจจะพา กทม. ไปถึงให้ได้ แต่ปัจจุบันยังขาดกลไกอยู่ โดยเฉพาะกลไกการสื่อสารเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในระดับชุมชน ล่าสุดได้มีการขับเคลื่อนโครงการชุมชนเข้มแข็ง โดยจัดสรรงบประมาณกทม. ราว 4% แจกจ่ายทุกชุมชนจดทะเบียนทั่วกทม. ชุมชนละ 2 แสนบาท เพื่อนำไปพัฒนาหรือจัดซื้อจัดจ้างตามที่คนในชุมชนต้องการ เพื่อทำให้คนภายในเมืองรู้สึกเป็นเจ้าของเมืองแห่งนี้ และถ้าเป็นไปได้ ศานนท์ ก็หวังให้เกิดโครงการคล้ายกับกองทุนหมู่บ้านเพื่อเป็นการหนุนเงินให้ชุมชนสามารถดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ได้อย่างอิสระ
“ปัญหาสำคัญที่เราเจอเกี่ยวกับการสร้างการมีส่วนร่วม คือ คนในชุมชนขาดความรู้สึกร่วม ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเขตพื้นที่นั้น ๆ ดังนั้น การจะสร้างการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้น ในฐานะ กทม. ก็ต้องทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าพื้นที่ก่อน แล้วการทำ ‘งบประมาณแบบมีส่วนร่วม’ จึงจะเห็นผล”
ศานนท์ หวังสร้างบุญ
งบประมาณแบบมีส่วนร่วม สู่การเปิดการทำงานภาครัฐให้โปร่งใส
Participatory Budgeting (PB) หรืองบประมาณแบบมีส่วนร่วม เป็นกระบวนการที่ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในการเข้าถึงทรัพยากรและตัดสินใจจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนเอง โดยมีตัวอย่างเมืองที่เคยเกิดขึ้นแล้ว เช่น เมือง Porto Alegre ประเทศ Brazil ให้คนยากจนและผู้ที่มักถูกกีดกันทางการเมือง เข้ามามีบทบาทด้วยจัดสรรงบประมาณได้มาสู่ส่วนที่จำเป็นหรือเหมาะสมมากที่สุด
ณัฐภัทร เนียวกุล หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเปิดเพื่อความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม HAND Social Enterprise กล่าวเสริมในวงเสวนาว่าการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ควรเริ่มจาก ‘3 เปิด’ ได้แก่
- การเปิดเผยข้อมูล: ในสองปีที่ผ่านมาช่วงการบริหารของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ตนเห็นการเปิดเผยมากขึ้น ทั้งยังมีการปรับปรุงเว็บไซต์การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเปิดเผยข้อมูล และย้ำเสริมว่า การจะเปิดเผยข้อมูลต้องเปิดทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องคิดว่า ‘ประชาชนควรรู้อะไร’ แล้วจึงค่อยเปิด และคำนึงถึงการเอาไปใช้งานต่อ
- เปิดพื้นที่: ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกความเห็นทางนโยบาย โดยการเปิดเวทีไม่ใช่แค่งานอีเวนต์ แต่การเปิดพื้นที่ต้องมีการให้ Feedback กลับไปยังภาครัฐด้วย แต่ส่วนใหญ่การเปิดพื้นที่ไม่ค่อยมีการรับฟัง และการเปิดพื้นที่ต้องเอื้ออำนวยความสะดวก ต้องมีต้นทุนที่ต่ำ ใช้เอกสารให้น้อย ใช้เวลาให้น้อย
- เปิดใจ: ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญ ณัฐภัทร มองว่า หลายหน่วยงานรัฐผู้บริหารมีไอเดียดี มีความคิดอยากเปิดพื้นที่ แต่ระดับปฏิบัติภายในยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน ทำให้ต้องใช้ต้นทุนมากเพิ่มขึ้นซ้ำซ้อนไปอีก จึงหวังว่า กทม. จะเป็นจุดเริ่มต้นของหน่วยงานรัฐในไทยที่ใสามารถสร้างการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายได้ทัดเทียมกับนานาประเทศ
ในส่วนของกิจกรรมระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองการใช้งบประมาณกรุงเทพมหานคร ได้เปิดให้ผู้เข้าร่วมได้วิเคราะห์งบประมาณของรุงเทพมหานคร จากการใช้งานแพลตฟอร์ม Bangkok Budgeting ผ่าน 6 ประเด็นที่สนใจ ประกอบไปด้วย งบประมาณด้านการศึกษา งบประมาณด้านสิ่งแวดล้อม งบประมาณด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ (ธุรกิจและการลงทุน) งบประมาณด้านการจัดการภัยพิบัติ งบประมาณด้านการพัฒนาการจราจรและขนส่งมวลชน และงบประมาณด้านสวัสดิการและสังคมสงเคราะห์ (ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส)
ในวงพูดคุย ได้ถกประเด็นว่าที่ผ่านมากรุงเทพมหานครใช้งบประมาณขับเคลื่อนประเด็นที่สนใจเพียงพอหรือไม่ และอยากเห็บงบประมาณในอนาคตต่อประเด็นที่สนใจเป็นอย่างไร ในช่วงนำเสนอ ผู้เข้าร่วมไปพูดคุยและระดมความคิดเห็นทั้งในมิติการพัฒนาด้านการศึกษา การใช้งบประมาณเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการจัดการฝุ่นละออง และรวมไปถึงความคาดหวังต่อการพัฒนาแพลตฟอร์ม Bangkok Budgeting