‘อรรถจักร์’ เตือนรัฐ ไม่จริงใจ ‘คดีตากใบ’… ไฟใต้ดับยาก!

เชื่อฟางเส้นสุดท้าย หลังผู้คนชายแดนใต้อดทน ‘ความอยุติธรรม’ มาเนิ่นนาน หวั่นผลักสู่กระบวนการกระจายความเจ็บปวด จุดชนวน ‘ความรุนแรงที่ไร้การจัดตั้ง’ กระทบจัดการปัญหาชายแดนใต้ยากขึ้น

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เนื้อหาเรื่อง จดหมายเตือนรัฐบาลเรื่อง ‘ไฟใต้ที่รุนแรงขึ้น’ ผ่านเพจศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง ระบุว่า ช่วงเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เหตการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ การใช้ความรุนแรงที่เกินความปกตินี้ เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกเจ็บปวดที่พวกเขาพบว่าจะไม่สามารถเห็น “ความยุติธรรม” ในบ้านเมืองนี้ได้อีกแล้ว

ในเนื้อหา ยังระบุว่า พี่น้องในพื้นที่ชายแดนใต้ต้องทนต่อ “ความอยุติธรรม” มาเนิ่นนาน ที่สำคัญ ฟางเส้นสุดท้ายที่พี่น้องรอคอยก็คือความยุติธรรมในกรณี “ฆาตกรรมหมู่ประชาชนที่ตากใบ” น่าตกใจที่รัฐบาลกลับไม่แสดงความจริงใจในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมก็ออกมาโชว์ใบลาออกของจำเลยคนหนึ่ง โดยที่ไม่ได้รู้สึกเลยว่า ตนเองควรจะทำอะไรมากกว่านั้น นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจในเรื่องนี้อย่างแท้จริง เมื่อประกอบกับมีนักวิชาการรุ่นใหญ่ที่มีมุมมองทางด้านความมั่นคงของรัฐ ได้ออกมาแสดงความเห็นเชิงปกป้องจำเลยให้พ้นผิดทั้งหมด โดยอ้างเอกสารการสอบสวนเพียงบางฉบับ โดยไม่มีข้อมูลความจริงจากพื้นที่ ก็ยิ่งเสมือนการเปิดไฟเขียวให้แก่การไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของจำเลย

การที่พี่น้องในชายแดนใต้มองเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการจะให้ความยุติธรรมได้ทำงานอย่างแท้จริง จึงทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางอารมณ์ความรู้สึกที่กระตุ้นและผลักดันผู้คนจำนวนมาก ให้ต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งขึ้นมา แม้กับคนที่ไม่เคยคิดและไม่เคยได้ร่วมกับการเคลื่อนไหวมาก่อนเลยก็ตาม

ศ.อรรถจักร์ ย้ำว่า หากรัฐบาลยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาสู่กระบวนการยุติธรรมได้ภายในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ กระบวนการการกระจายความเจ็บปวด และกระจายความรู้สึกที่ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างให้ขยายไปสู่พี่น้องชายแดนใต้อย่างกว้างขวาง และลึกเข้าไปในหัวใจ ซึ่งจะทำให้ลดความหวาดกลัวต่ออำนาจรัฐลงอย่างรวดเร็ว อันมีโอกาสอย่างมากที่จะเกิด “ความรุนแรงที่ไร้การจัดตั้ง” และเป็นไปโดยอัตโนมัติ (spontaneous uprising ) ปรากฏออกไปสู่ทุกชีวิตในพื้นที่ อันยิ่งจะทำให้การแก้ปัญหาชายแดนใต้ยากมากขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า