อาลัย ‘มณเฑียร บุญตัน’… จากสิทธิคนพิการ สู่ ปณิธาน ‘ขจัดการเลือกปฏิบัติ’ ในสังคม

ภาคประชาชน ยอมรับเป็นการสูญเสียอีกครั้งสำคัญ ในฐานะผู้ขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมเดินหน้าสานต่องานสร้างสิทธิ โอกาส ความเท่าเทียมแก่คนพิการ และผู้คนในสังคม   

วันนี้ (2 มี.ค. 67) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา แจ้งข้อความผ่านไลน์กลุ่มสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ว่า มณเฑียร บุญตัน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ถึงแก่อนิจกรรมด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ในฐานะที่ อ.มณเฑียร คือหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนประเด็นด้านสิทธิความเสมอภาคให้กับคนพิการ และผู้คนในสังคม การสูญเสียที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้มีผู้คนในหลายแวดวงร่วมแสดงความอาลัย และรำลึกถึงคุณูปการที่ อ.มณเฑียร ได้ให้ไว้กับสังคมไทย

แนวทางชัด ‘ขจัดการเลือกปฏิบัติ’ แก่คนทุกกลุ่มในสังคม

สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยกับ The Active ว่า นับเป็นการสูญเสียอีกครั้งสำคัญของวงการสิทธิมนุษยชนไทย เพราะ อ.มณเฑียร ชัดเจนในหลักการเรื่องสิทธิมนุษยชน การไม่เลือกปฏิบัติมาโดยตลอด และไม่ใช่เฉพาะการขับเคลื่อนแค่คนพิการ แต่ทุกคนในสังคมก็ต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ อ.มณเฑียร ขับเคลื่อน ผลักดันร่างกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ป้องกัน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในสังคม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ อ.มณเฑียร ได้เข้ามาทำงานร่วมกับภาคประชาชน และกรรมการสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มข้นในช่วงหลังมานี้ เพื่อที่ต้องการอยากเห็นกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล เป็นกฎหมายกลางให้ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมา อ.มณเฑียร ได้ตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ หลายครั้งเพื่อให้ทุกส่วนได้เข้าใจ และเห็นความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้

“อาจารย์เป็นคนชัดเจนในหลักการสิทธมนุษยชน ส่วนตัวที่ทำงานด้วย สัมผัสได้ ว่าอาจารย์จิตใจดี มีความเมตตา และเป็นธรรม อาจารย์อยากเห็น คนทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม ไม่อยากเห็นความเหลื่อมล้ำในสังคม ในฐานะคนพิการอาจารย์ก็ชัดเจนว่าคนพิการต่างก็มีศักยภาพ ไม่ใช่ภาระของสังคม แต่ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับการส่งเสริมโอกาส การที่อาจารย์เข้ามาขับเคลื่อนหลาย ๆ เรื่อง ก็ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ เพื่อทำให้สิทธิคนพิการ ขยายขอบเขตมาถึงผู้คนทั่วไปในสังคม เพราะอาจารย์ไม่ได้มองแค่สิทธิคนพิการเท่านั้น แต่มองเรื่องการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลต้องไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร เป็นแนวทางที่อาจารย์ยึดถือมาตลอดในช่วงที่ได้ทำงานด้วยกัน”

สุภัทรา นาคะผิว

ข้อต่อการทำงานภาคประชาชน-นโยบาย

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุถึงกรณีการสูญเสีย อ.มณเฑียร ไว้เช่นกันว่า รู้สึกช็อกกับข่าวที่ได้รับ เพราะ อ.มณเฑียร  สร้างประโยชน์ไว้อย่างมหาศาลให้กับสังคมไทย แทบไม่ต้องพูดถึงในแวดวงคนพิการที่ อ.มณเฑียร เรียกร้องสิทธิความเท่าเทียม และสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้พิการทุกประเภทได้มองเห็นคุณค่าของตัวเอง และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกันในสังคม ซึ่ง อ.มณเฑียร เป็นกำลังสำคัญที่ทำเรื่องโอกาสของคนพิการมาตลอดชีวิต

นอกจากนี้ อ.มณเฑียร ยังมีส่วนช่วยทำงานในกลุ่มภาคประชาสังคม คนด้อยโอกาสทุกกลุ่ม แม้แต่ในกฎหมายจัดตั้งองค์กรผู้บริโภค อ.มณเฑียร ก็ช่วยต่อสู้ในมุมมองที่ไม่ต่างกัน อ.มณเฑียร เป็นแกนนำสำคัญที่พยายามสร้างข้อต่อการทำงานของภาคประชาชน NGO ไปสู่การทำเรื่องนโยบายเพื่อสิทธิของประชาชน อ.มณเฑียร ยังเป็นกำลังสำคัญด้านงานระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง วันนี้จึงนับเป็นการสูญเสียคนสำคัญที่ทำงานด้านสังคมมาตลอดชีวิต

สานต่องานช่วยคนพิการได้รับโอกาสทางสังคม

ขณะที่ วินิจ มูลวิชา รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพิเศษ มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งถือเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ อ.มณเฑียร และเคยทำงานร่วมกันก่อนหน้านี้ เปิดเผยว่า ตกใจที่ทราบข่าว เพราะเพิ่งได้พบกันมาไม่นานมานี้ อ.มณเฑียร เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนงานเพื่อคนพิการ มาตลอด ช่วยให้คนพิการได้รับโอกาสทางสังคม ช่วยขับเคลื่อนการฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอด ซึ่งเป็นกฎหมาย ตั้งต้นไปสู่การปรับปรุงเป็นกฎหมายส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ถือเป็นประตูแห่งโอกาสสำคัญ ที่คนตาบอดได้รับสิทธิสวัสดิการ รวมถึงโอกาสการทำงาน มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนตาบอดได้อย่างมาก

“ท่านได้ทำคุณประโยชน์ต่อคนพิการ ทำให้คนพิการ มองว่า สิ่งที่ทำเป็นพลัง มองแล้วเห็นวิถีที่จะขับเคลื่อนสานต่องานต่าง ๆ ให้คนพิการได้รับโอกาส ท่านจากไปแต่พลังของท่านที่ให้ไว้จะยังคงอยู่ และปณิธานต่าง ๆ ที่ท่านวางเอาไว้ก็จะได้รับการสานต่ออย่างแน่นอน”

วินิจ มูลวิชา

รอง ผอ.ฝ่ายกิจการพิเศษ มูลนิธิธรรมิกาชนเพื่อคนตาบอดแห่งประเทศไทยฯ ยอมรับว่า แม้ อ.มณเฑียร ตาบอดแต่ท่านมองกว้าง และทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องคนพิการอย่างแท้จริง สิ่งที่เห็นชัดเจน เช่น คนตาบอดต้องการการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ อ.มณเฑียร ก็มองเห็นโอกาส นำเอาสื่อ เดซี่ หรือ DAISY ที่ย่อมาจากคำว่า Digital Accessible Information System ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมเพื่อคนตาบอดมาใช้ พร้อมทั้งผลักดันส่งเสริมมการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ เริ่มต้นวางแนวทางการศึกษาเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย งานที่ท่านทำจึงทำด้วยปณิธาน ดังนั้นประเด็นเหล่านี้จะต้องได้รับการสานต่อ

“เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้เราสูญเสีย อ.ประหยัด ภูหนองโอง ซึ่งท่านเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ และเป็นผู้ขับเคลื่อนงานเพื่อคนตาบอดมาต่อเนื่อง ซึ่งท่านจากไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 จนมาถึงวันนี้ (2 มี.ค. 67) เราก็มาสูญเสีย อ.มณเฑียร ถือเป็นเรื่องบังเอิญมาก ๆ ทำให้คนตาบอดจะได้ร่วมกันรำลึกถึงวีรบุรุษทั้ง 2 คนของพวกเราในวันที่ 2 มีนาคมของทุกปี”

วินิจ มูลวิชา

เปลี่ยนความเวทนาคนพิการ เป็นความเชื่อแห่งสังคมเท่าเทียม

ไม่ต่างกับ วันชัย บุญประชา กรรมการสถาบันส่งเสริมภาคประชาสังคม ที่ทำงานร่วมกับ อ.มณเฑียร เป็นระยะเวลากว่า 20 ปี โดยได้ช่วยกันบุกเบิก และผลักดันงานภาคประชาสังคมให้เป็นที่ยอมรับ ระบุถือเป็นการสูญเสียคนทำงานเพื่อสังคมที่มีความมุ่งมั่น ต่อเนื่อง และทำมาอย่างยาวนาน อ.มณเฑียร เป็นคนที่มีความฝันที่อยากจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมไทย ไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นเรื่องคนพิการ แต่ยังต่อสู้เพื่อให้ภาคประชาสังคมเข้มแข็ง และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เป็นประธานของสถาบันส่งเสริมภาคประชาสังคมด้วย

“ท่านมองว่าสังคมควรจะเลิกมองคนพิการในเชิงเวทนานิยม คือเลิกสงสารและเลิกเวทนาคนพิการ แต่ให้มองคนพิการเป็นคน ๆ หนึ่งที่มีคุณค่าเหมือนกับคนอื่น ๆ ในสังคม เรื่องนี้เราสามารถมองได้กว้างกว่าแค่ประเด็นคนพิการ เพราะเป็นเรื่องของการเชื่อในเรื่องความเท่าเทียม และเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย ท่านเชื่อในเรื่องความเท่าเทียมของมนุษย์มาก เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราจะต้องสานต่อความคิด ความเชื่อ และร่วมมือกันเพื่อทำให้สังคมมองคนให้เท่าเทียมกันมากขึ้น”

วันชัย บุญประชา

สำหรับ มณเฑียร บุญตัน เคยเป็นอดีตนายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยฯ ทำงานด้านการช่วยเหลือและผลักดันสิทธิและสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ เป็นผู้แทนคนพิการคนแรกในประเทศไทย และคนแรกในอาเซียนที่ได้รับการเลือกตั้งให้เป็น คณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ (UN-Committee Convention on the Rights of Persons with Disabilities-CRPD) วาระปี พ.ศ. 2556-2559

นอกจากนี้ อ.มณเฑียร ยังเคยได้รับฉายา “คนดีศรีสภา ปี 2551” จากสื่อมวลชนประจำรัฐสภา รวมถึงทำเนียบเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ยังเคยจัดพิธีมอบเกียรติบัตรเพื่อยกย่อง อ.มณเฑียร ในฐานะบุคคลที่เป็นผู้เชื่อมสัมพันธไมตรี และทำคุณประโยชน์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นด้วย

ผู้สื่อข่าว Thai PBS รายงาน เจ้าภาพได้กำหนดประกอบพิธีศพ มณเฑียร บุญตัน ณ ศาลา 9 วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ โดยในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567 จะมีพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 15.00 น.เป็นต้นไป และพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลา 17.00 น.

จากนั้น ตั้งศพสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 – 9 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2567 เวลา 17.00 น.

มณเฑียร บุญตัน เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2508 ปัจจุบันมีตำแหน่งในวุฒิสภา เป็นประธานคณะอนุกรรมมาธิการกิจการคนพิการ ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ปี 2551 – 2557 และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2557 – 2562

ขณะนี้ มีสมาชิกวุฒิสภาว่างลง 2 ตำแหน่ง คงเหลืออยู่ขณะนี้ 248 คน สำหรับรายชื่อบุคคลสำรองที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาในลำดับถัดไป ได้แก่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์



Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active