ตั้ง ‘สมศักดิ์’ นั่งประธาน กบฉ. แทน ‘พล.อ. ประวิตร’ เร่งจัดแนวทางการดำเนินงานให้เร็วและรัดกุมยิ่งขึ้น เครือข่ายด้านสิทธิ ระบุ นี่เป็นครั้งแรกที่มีการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 1 เดือน ไม่ใช่ 3 เดือนอัตโนมัติเหมือน 18 ปีที่ผ่านมา
วันนี้ (18 ก.ย. 2566) มราประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ออกไปอีก 1 เดือน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) จัดแนวทางการดำเนินงานให้เร็วและรัดกุมยิ่งขึ้น และมอบหมายให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กบฉ. แทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งรายละเอียดของมติ ครม. ยังไม่ได้มีการชี้แจ้ง
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในส่วนของ พ.ร.ก. ฉุกเฉินพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ฝ่ายความมั่นคงได้มีการเสนอเข้ามาในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ยังไม่อยากให้แถลงอะไรมากมาย
“ฝ่ายความมั่นคงจะจัดแถลงเอง เพียงแต่ผมสามารถพูดได้ตอนนี้ว่าทิศทางของเรื่องนี้จะดำเนินไปในทิศทางที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น เน้นเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนดีกว่าเดิมแต่ดีขนาดไหน ขออนุญาตว่าไม่สามารถตอบท่านทั้งหลายที่นี่ได้ บอกได้แต่ทิศทางว่าอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุม กบฉ. ในตอนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังนั่งเป็นเป็นประธาน กบฉ. มีข้อเสนอให้ต่อออกไป 3 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.66 ถึง 19 ธ.ค.66
ด้าน พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่าการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนไปอีก 1 เดือนถือว่าแตกต่างกว่าแบบเก่า และเป็นครั้งแรกที่มีการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 1 เดือน ไม่ใช่ 3 เดือนอัตโนมัติเหมือน 18 ปีที่ผ่านมา และเป็นการเปลี่ยนตัวประธานจากจากทหารมาเป็นพลเรือน
ก่อนหน้ามีความเคลื่อนไหวจากองค์กรภาคประชาชนกว่า 38 องค์กร แถลงการณ์ขอให้ คณะรัฐมนตรีต้องไม่มีมติต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง แสดงเจตจำนงทางการเมืองต่อพันธกรณีระหว่างประเทศต่อหน้ายูเอ็น ในการประชุม United Nations General Assembly ที่กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือน ก.ย.นี้ และทำให้นานาประเทศมีความเชื่อมั่นต่อระบบกฎหมายปกติของไทยตามเจตนารมณ์ที่สำคัญในการแถลงนโยบายรัฐบาลที่จะยึดมั่นและเคารพต่อหลักนิติธรรม
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง