คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ เปิดเวทีภาคเหนือ องโชว์นโยบายเพื่อคุณภาพชีวิตเด็ก หลายพรรคเล็งดึงงบฯ กองทุนต่าง ๆ มารองรับ พร้อมเสนอกฎหมายใหม่
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.66 คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน จัดเวที “ฟังเสียงจากคนเหนือ พรรคการเมืองแถลงนโยบาย สวัสดิการเด็กเล็ก ถึงเวลาถ้วนหน้าหรือยัง” ณ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รศ.วรวิทย์ เจริญเลิศ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เด็กเล็กอายุไม่เกิน 5-6 ปี เป็นช่วงอายุที่สำคัญในการเจริญเติบโตทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้นนโยบายจะต้องตอบสนองความต้องการพื้นฐานให้เด็กได้ ทั้งด้านความมั่นคงทางด้านร่างกายและอารมณ์ แต่อุปสรรคที่สำคัญคือความยากจน ที่รัฐบาลต้องแก้ให้ได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นความรุนแรงในครอบครัวและสังคมซึ่งจะมีผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก
ผศ.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ยอมรับว่า สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐาน และควรจะเป็นการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้รับการดูแลตามสิทธิเด็กที่เด็กควรจะได้รับ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเงินอุดหนุน แต่ควรมีกลไกแลระบบรองรับด้วย อยากให้วาระในการสนับสนุนเด็ก ไม่ควรจะเป็นแค่นโยบายของพรรคการเมือง แต่ควรจะเป็นวาระหลักที่ทุกฝ่ายช่วยกัน
สุมิตร วอพะนอ องค์การแพลน อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทย ระบุว่า ยังมีเด็กชาติพันธุ์ และเด็กไร้สัญชาติอีกแสนกว่าคน ที่ไม่ได้รับสวัสดิการนี้ เพื่อช่วยลดภาระของกระทรวงสาธารณสุขในอนาคต เพราะเด็กจะเติบโตมาอย่างดี ในขณะที่ จันทร์ฉาย โนลอย รองนายก อบต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ย้ำว่า ว่า ในพื้นที่ตำบลแม่วิน มียังเด็กที่เล็กตกหล่นที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนเด็กเล็ก เกือบ 100 คน
ปาตีเมาะ เปาะอิแตดาโอะ พรรคภูมิใจไทย บอกว่า พรรคภูมิใจไทยเน้นนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตเสนอให้กับประชาชน เพราะประชาชนทุกคนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีในหลาย ๆ ด้าน ส่วนเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้านั้น พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าเงิน 600 บาทไม่เพียงพอ และไม่ควรต้องพิสูจน์ความยากจน เด็กที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยทุกคนควรจะได้รับเงินอุดหนุน
ผศ.วลัยพร รัตนเศรษฐ์ คณะกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า พลังประชารัฐมีนโยบายดูแลคนทุกกลุ่ม โดยจะกำหนดนโยบายแก้ปัญหาเด็กเล็กในภาพใหญ่ ซึ่งขณะนี้พรรคได้เสนอนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี กรณีสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าต้องไม่มีการตกหล่น นอกจากนี้พรรคเห็นด้วยกับเงินอุดหนุนเด็กเล็ก 3,000 บาท และเด็กทุกสัญชาติต้องได้รับสวัสดิการ ไม่ตกหล่น และที่สำคัญแม่ที่ตั้งครรภ์จะให้เดือนละ 10,000 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนที่ 5 นอกจากนี้พรรคมีนโยบายเน้นไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยยกระดับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้มีคุณภาพดีและทั่วถึง ทั้งอาหารและครูพี่เลี้ยง และจัดระบบความปลอดภัย ซึ่งจะใช้งบประมาณ 2.1 แสนกว่าล้านบาทต่อปี จากกองทุนต่างๆ
ภาวิณี อินทะสิทธิ์ พรรคเสรีรวมไทย ยืนยันสนับสนุนนโยบาย เงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า โดยการรับสิทธิ์ของเด็กต้องไม่ซับซ้อนเด็กทุกคนต้องได้รับเงินนี้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้พรรคเสรีรวมไทยมีแนวคิดว่า เด็กทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ต้องพัฒนาให้เติบโตอย่างดี โดยเฉพาะในช่วง 0-6ปี และต้องสร้างให้เป็นรูปธรรม
สำหรับ เยาวภา บุรพลชัย พรรคชาติพัฒนากล้า ระบุว่า พรรคมีนโยบายขยายศูนย์เด็กเล็กให้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ปกครอง โดยจัดตั้งศูนย์เด็กเล็กในบริษัท/โรงงาน ลดภาษีให้กับผู้ประกอบการเพื่อเป็นแรงจูงใจ นอกจากนี้ยังมีนโยบายให้คุณแม่ทำงานที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ทุกที่ โดยอาจจะไม่ต้องเข้าสำนักงานเพื่อแม่ได้ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ส่วนวันลาคลอดอาจจะต้องมีการพิจารณานโยบายอย่างละเอียดให้สอดคล้อง ขณะเดียวกันจะพัฒนาทักษะครูพี่เลี้ยง โดยใช้งบประมาณ 24,000 ล้านบาทต่อปี เพิ่มงบประมาณเงินอุดหนุนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 0-6 ปี 2,000 บาทต่อเดือน
พิสิษฐ์ ลี้อาธรรม พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จากที่สำรวจพื้นที่ต่าง ๆ มีโรงเรียนจำนวนมากปิดตัวลง พรรคประชาธิปัตย์ จึงมีนโยบาย จะพัฒนาให้โรงเรียนเหล่านั้นให้เป็นศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่ โดยผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้จะประสานไปยังสถานประกอบการทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ต้องมีศูนย์ดูแลเด็กเล็ก รวมถึงการดูแลเด็กเล็กที่ไปโรงเรียน แม้รัฐบาลจะมีนโยบายเรียนฟรี แต่เด็กก็ยังไม่มีเงิน และจะให้อาหารเช้าให้เด็กที่มาโรงเรียน มีหลักสูตรที่เหมาะสมกับเด็ก และกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน
ธนัญญรัชช์ เศรษฐาธิรัชฏิ์ ผู้แทนพรรคประชาชาติ บอกว่า พรรคมีนโยบายที่เน้นในเชิงคุณภาพ สร้างรัฐสวัสดิการ ให้เงินอุดหนุนตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ให้สิทธิลาคลอดก่อนทั้งพ่อและแม่ 180 วัน เด็กต้องเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี โดยจะใช้งบฯ ลับมาสร้างสวัสดิการสังคม เป็นรัฐสวัสดิการ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ธรรม ธรรมรักษ์ พรรคประชากรไทย กล่าวว่า เด็กอายุระหว่าง 0-6 ปี เป็นช่วงที่สมองกำลังเติบโต รัฐต้องให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ ในช่วงนี้ พรรคประชากรไทยพร้อมที่จะผลักดันสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า และกลุ่มพี่น้องที่ยากจน และการลงทุนในกลุ่มเด็กเล็กประเทศจะมีความยั่งยืน เพราะเด็กจะเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้พรรคมีนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกระดับ
วิภาพรรณ วงษ์สว่าง พรรคไทยสร้างไทย มองว่า ประชากรที่เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ต้องได้รับการดูแลตั้งแต่เกิด ดังนั้นจึงผลักดันนโยบายบำนาญผู้สูงอายุถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน เพื่อแบ่งเบาภาระในครอบครัว เรียนฟรีถึงปริญญาตรี และนโยบายเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า พรรคไทยสร้างไทย จะรับหลักการเพื่อดำเนินการต่อนอกจากนี้พรรคยังมีนโยบายเร่งด่วนในเรื่องการยุติความรุนแรงในครอบครัวด้วย
เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู พรรคก้าวไกล บอกว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายเกี่ยวกับเด็กเล็กตั้งแต่ 0-6 ปี ดังนี้ 1. บ๊อกเซตของขวัญสำหรับเด็กแรกเกิดมูลค่า 3,000 บาท 2.เงินอุดหนุนเด็กเล็ก 0-6 ปี 1,200 บาทต่อเดือน 3. สิทธิลาคลอด 180 วัน พ่อแม่สามารถแบ่งกันได้ ซึ่งสอดคล้องกับกรมอนามัยโลก 4.สนับสนุนให้ท้องถิ่น หรือเอกชนให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นสวัสดิการถ้วนหน้า โดยไม่ต้องพิสูจน์ความจน และไม่ต้องพิสูจน์สัญชาติ โดยงบประมาณอยู่ที่ 34,000 ล้านบาทต่อปี
ขณะที่ ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย บอกว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนนโยบายเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า ในอัตรา 3,000 บาทต่อเดือน มีความเป็นไปได้แต่ต้องไม่กระทบนโยบายรัฐบาล โดยจะผนวกเข้ากับกองทุนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทย ยังมีแนวคิดว่า ทำอย่างไรไม่ให้สวัสดิการถ้วนหน้าเป็นแค่นโยบายการแจกเงิน ทำอย่างไรจะให้เป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายคือเรื่องสุขภาพ ยกระดับให้นโยบาย 30 รักษาทุกโรค ครอบคลุมทุกกลุ่ม
รฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ หัวหน้าพรรคเสมอภาค ระบุว่า จะกำหนดนโยบายดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ และดำเนินการอย่างจริงจัง ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยผลักดันในรูปแบบกฎหมายบริการประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ใช้วิธีบริหารจัดการกองทุนที่สำคัญของประเทศ เช่น กองทุนประกันสังคม เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเลี้ยงดูเด็กและการลาคลอดของแม่