เปิดแถลงการณ์ ‘ราษฎรหยุด APEC’ เตรียมเคลื่อนไหวคู่ขนานร้องผู้นำโลก

70 องค์กรภาคประชาชน จับตาการประชุมผู้นำเอเปค ชี้รัฐบาลไร้ความชอบธรรม นโยบาย BCG เอื้อกลุ่มทุน ทำลายฐานทรัพยากรชาวบ้าน

เมื่อวานนี้ (10 พ.ย. 65) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎรหยุด APEC2022” ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มนักเคลื่อนไหว ภาคประชาชน องค์กรแรงงาน และเกษตรกร เพื่อแสดงออกไม่ยอมรับการเป็นเจ้าภาพจัดกรประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 16 – 18 พ.ย. นี้ นำโดย สมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.), มายด์ ภัสราวลี และแกนนำราษฎรร่วมด้วย ซึ่งได้มีการอ่านแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยต่อการประชุม ที่ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนประกาศเคลื่อนไหวคู่ขนานช่วงเวลาเดียวกับการประชุม โดยมีเนื้อหาในแถลงการณ์ว่า…

ประยุทธ์ ไร้ความชอบธรรม ไม่คู่ควรเป็นประธานเอเปค หยุดอ้างเอเปคเพื่อผลักดันนโยบายสร้างหายนะแก่ประชาชน หลังการทำรัฐประหารในปี 2557 โดย ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลทหาร และเขียนรัฐธรรมนูญที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนและแช่แข็งประชาธิปไตย จนถึงการฟอกขาวตัวเองด้วยกระบวนการเลือกตั้งที่พิสดารและกระบวนการยุติธรรมอันน่ากังขาเพื่อให้ตนกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง

จนถึงวันนี้ ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจเผด็จการและอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ผลักดันและแก้ไขกฎหมาย รวมถึงนโยบายที่เป็นปรปักษ์กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า การบังคับปิดเหมืองแร่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ นโยบายที่ดินแห่งชาติ การแก้ไขกฎหมายป่าไม้-ที่ดิน นโยบายด้านคาร์บอนเครดิต กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช จนล่าสุดคือนโยบายที่ให้ต่างชาติสามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้

“ในอีกด้านหนึ่งก็ไม่ยอมที่จะแก้ไขกฎหมาย ออกกฎหมายและนโยบาย หรือบังคับใช้กฎหมายในทางที่เป็นปรปักษ์กับนายทุน เช่น กฎหมายควบคุมการผูกขาดการผลิตสุรา กฎหมายควบคุมการผูกขาดทางการค้า และกฎหมายกำหนดขนาดการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นต้น…”

พวกเรา ราษฎรหยุด APEC2022 เห็นว่า สิ่งที่ประยุทธ์ทำมาตลอดเพื่อค้ำจุนอำนาจของตน คือ การร่วมมือกับนายทุนผูกขาด เอาใจนักลงทุนต่างชาติ ละเลยเสียงของประชาชน เห็นได้จากการปราบปรามการชุมนุมของประชาชนด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุ การคุกคามรังควาน การใช้กฎหมายปิดปากประชาชน บิดเบือนและทำลายระบบกระบวนการยุติธรรม จนถึงการผลักดันกฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มของประชาชน การที่ประยุทธ์เป็นปรปักษ์กับประชาชน คนจน และคนชายขอบเช่นนี้ ย่อมไม่มีความชอบธรรมใด ๆ หลงเหลืออยู่เพียงพอ ที่จะเป็นตัวแทนของคนไทยในเวทีประชุมระหว่างประเทศอย่างเวทีเอเปค 2022 ครั้งนี้

ยิ่งกว่านั้น บนเวทีระดับนานาชาติที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประยุทธ์ไร้ซึ่งความสามารถและสง่างามที่จะเป็นตัวแทนของประเทศ รังแต่จะสร้างความอับอายและไร้ความชอบธรรมที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงที่สุดจนอธิปไตยของประเทศไทยตกอยู่ในอันตรายด้วยความไร้น้ำยาของตน ประยุทธ์ได้แสดงเจตจำนงต่อสาธารณะว่าต้องการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างหน้าด้าน เพื่อเป็นประธานการประชุมเอเปก ซึ่งที่จริงก็คือความต้องการของประยุทธ์ที่จะฉวยใช้ประโยชน์จากเวทีระดับนานาชาติ เดินตามรอยเสรีนิยมใหม่ เพื่อผลักดันนโยบายที่เรียกว่าตัวแบบการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ซึ่งก็คือ หน้าฉากที่เต็มไปด้วยคำพูดที่ดูสวยหรู แต่เปิดโอกาสด้านเศรษฐกิจตามใจนายทุน ซ่อนความหายนะที่จะเกิดกับประชาชน ทั้งชาวนา แรงงาน และประชาชนทั่วไปอย่างมหาศาล กล่าวคือ

  1. นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เป็นการเปิดทางให้กับการโจรกรรมพันธุกรรม ทำให้นายทุนสามารถเข้ามาผูกขาดตลาดเมล็ดพันธุ์หรือการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น จีเอ็มโอ ได้อย่างง่ายดาย
  2. นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นการเปิดทางให้กับการปลูกพืชพลังงานและการทำโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการลดการปลูกพืชอาหาร เกิดปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร และปัญหาด้านมลพิษในสิ่งแวดล้อม เป็นอันตรายต่อประชาชน
  3. นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐสามารถผลักดันนโยบายการค้าคาร์บอนเครดิตโดยอ้างวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยทุนอุตสาหกรรมที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงของการปล่อยคาร์บอนนั้นไม่ต้องถูกควบคุม แต่ผลักภาระมาที่พวกเราชาวนา แรงงาน และคนจนทั่วไป รัฐไม่ยอมแก้ปัญหาที่ต้นตอ แต่กลับกลายมาไล่พวกเรา แย่งชิงที่ดินของเราเพื่อไปดูดซับคาร์บอน และค้าขายคาร์บอนเครดิตให้นายทุน ทำให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ

“นายทุนนั้นเห็นอาหาร พลังงาน ที่ดิน ป่า และสภาพภูมิอากาศเป็นสินค้าที่จะเอาไปหากำไร แต่พวกเราเห็นว่าอาหารและอากาศเป็นสิทธิ การผลิตอาหารคือสวัสดิการสังคม เราใช้พลังงานในชีวิตเพียงน้อยนิด และที่ดิน และผืนป่าคือฐานทรัพยากรที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตและการผลิตของเรา…”

เห็นชัดเจนว่า อำนาจเผด็จการในมือยังไม่เพียงพอที่ประยุทธ์จะใช้เพื่อเอาใจนายทุนให้ค้ำจุนอำนาจของตน ขณะนี้ประยุทธ์กำลังจะแอบอ้างเวทีเอเปคเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบายที่ใช้ควบคุม กดขี่ขูดรีด เป็นศัตรูกับชาวนา แรงงาน และประชาชนทั่วไป และยังเป็นเวทีที่ประยุทธ์จะใช้สร้างความสัมพันธ์กับผู้นำรัฐเผด็จการจากหลายประเทศ ที่ใช้อำนาจกดขี่ประชาชนในประเทศของตนเองอีกด้วย

ดังนั้นในนามประชาชน พวกเรา “ราษฎรหยุดAPEC2022” ซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรของชาวนา แรงงาน คนจน คนรากหญ้า และประชาชนที่ต่อสู้กับเผด็จการและส่งเสริมประชาธิปไตย ขอย้ำว่าเราไม่สามารถปล่อยให้ประยุทธ์สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยอีกต่อไป พวกเราจึงมีข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้

  1. ต้องยกเลิกนโยบาย BCG รวมถึงระเบียบกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ที่พยายามนำเสนอให้ที่ประชุมเอเปครับรอง ด้วยเป็นแนวคิดที่กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่กลับจะสร้างผลกระทบมหาศาลให้กับประชาชนไทยและประชาคมโลกในอนาคต
  2. ประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และจะต้องยุติบทบาทในการเป็นประธานการประชุมเอเปคโดยทันที เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งต่อประชาชนและต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
  3. ประยุทธ์ต้องยุบสภาและเปิดทางให้มีการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง อันจะทำให้ได้มาซึ่งผู้นำการบริหารประเทศที่สง่างามและคู่ควรกับการเป็นเจ้าภาพในการประชุมเวทีประชาคมโลกต่อไปในอนาคต

พวกเรา ราษฎรหยุด APEC2022 ขอประกาศต่อสาธารณชนไทยและประชาคมโลกว่า เราจะมีการเคลื่อนไหวในระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 คู่ขนานกับการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เพื่อผลักดันข้อเรียกร้องอย่างถึงที่สุด รวมถึงขอประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศให้ร่วมจับตา เรียนรู้ เรียกร้อง และเคลื่อนไหว เพราะคนไทยจะไม่ได้อะไรจากเอเปค…

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active