‘นักการศึกษา’ เห็นแย้ง รมว.ศธ. สั่งโรงเรียนทั่วประเทศงด ‘ทัศนศึกษา’ ย้อนเป็นหน้าที่กระทรวงฯ ต้องสร้างความเชื่อมั่น ไม่ปิดกั้นโอกาสเด็กนับล้านคนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน ชวนหันกลับมาแก้โจทย์ทำให้ทัศนศึกษามีคุณภาพ ปลอดภัย
วันนี้ (2 ต.ค. 67) พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ที่มีผู้เสียชีวิต 23 คน บาดเจ็บสาหัส 2 คน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเสียใจแก่ทุกฝ่าย และได้สั่งการ “งดทัศนศึกษาที่ไม่จำเป็นทันที” พร้อมวางมาตรการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ โดยให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องความปลอดภัย การป้องกันและลดโอกาสเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต
รมว.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ พร้อมจะดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ โดยล่าสุด ผู้อำนวยการโรงเรียนรายงานว่า บริษัทประกันชีวิตได้เข้ามาดำเนินการที่โรงเรียนแล้ว เพื่อเร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บโดยเร็วที่สุด ซึ่ง ครูจะได้รับการเยียวยา 80,000 บาท และนักเรียนจะได้รับการเยียวยา 160,000 บาท จากการทำประกันหมู่ที่โรงเรียนนักเรียนและครูทุกคนได้ทำไว้อยู่แล้ว และจะประสานในส่วนของค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ตลอดจนร่วมกับมหาวิทยาลัยในการประสานงานกับบริษัทประกันชีวิตเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาฝึกสอนที่เสียชีวิตด้วย
ส่วนการทัศนศึกษานอกโรงเรียนช่วงนี้ต้องงดทันที หรือหากจำเป็นต้องมีผู้ปกครองเดินทางไปด้วย และคงต้องนำไปทบทวนกันอีกครั้ง เพราะการที่เด็กได้ออกไปทำการศึกษานอกโรงเรียนเสมือนเป็นการเสริมพัฒนาการเปิดโลกการเรียนรู้ที่จับต้องได้ เป็นโอกาสให้เด็กหลายคนที่ผู้ปกครองไม่สะดวกในการพาไปได้ประสบการณ์จริง ที่ผ่านมาถือเป็นโครงการที่ดีและสร้างสรรค์ แต่ที่ต้องเข้มงวดกว่าเดิม และออกเป็นมาตรการสำคัญคือการตรวจเช็คสภาพรถและคนขับก่อนออกเดินทางไกล และต้องมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตรวจสอบอุปกรณ์ฉุกเฉินที่มีความพร้อมมากกว่านี้
ในส่วนของ สพฐ. ได้สั่งการให้สอบเหตุการณ์ดังกล่าวว่าทางโรงเรียนได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวดตามระเบียบการขอออกนอกพื้นที่หรือไม่ โดยเบื้องต้นทราบว่าโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ได้ทำหนังสือขออนุญาตผู้ปกครองนำเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลออกนอกพื้นทัศนศึกษาตามระเบียบของ สพฐ. ที่ได้เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นสามารถเดินทางออกไปทัศนศึกษา โดยต้องมีครูร่วมเดินทางไปด้วย ส่วนรถที่ใช้ต้องได้มาตรฐานผ่านการตรวจสอบสมรรถภาพก่อนเดินทาง และต้องแจ้งตำรวจทางหลวงให้ทราบเพื่อเป็นขบวนนำทางไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
“เราต้องเข้มแข็งและมองไปข้างหน้า และขอเป็นกำลังใจให้ครูทุกคนที่เกี่ยวข้อง เหตุการณ์ที่น่สะเทือนใจเช่นนี้แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจากนี้ก็ต้องมาดูเรื่องการวางแนวทางปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัยมากกว่านี้ส่วนสำคัญต้องหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก”
พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ
งด ‘ทัศนศึกษา’= ปัดความรับผิดชอบ
ย้อน ศธ. มีหน้าที่สร้างความเชื่อมั่นต่อการศึกษา
ด้าน ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยกับ The Active โดยยืนยันว่า รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ต้องไม่หวั่นไหวต่อกระแสอารมณ์ของสังคม ปัญหาของเรื่องนี้คือความปลอดภัยของรถโดยสาร ทริปการเดินทางที่ไม่มีคุณภาพ การบกพร่องในการดูแลความปลอดภัย ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการต้องยืนยันหลักการศึกษาที่ไม่ได้ตีกรอบในห้องเรียนสี่เหลี่ยม ก่อนที่เด็กทั้งประเทศจะสูญเสียไปมากกว่านี้
“พองดทัศนศึกษา ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะพร้อม มันก็เป็นการตัดโอกาสเด็กอีกหลายล้านคน ที่ไม่มีต้นทุนชีวิตในการเดินทางเพื่อไปเรียนรู้นอกห้องเรียน ทั้งที่ผู้ใหญ่ทุกคนมีหน้าที่ในการสร้างโลกที่ปลอดภัยต่อการเรียนรู้ให้เด็ก และการงดทัศนศึกษาไม่ได้เป็นการรับผิดชอบอะไรเลย”
ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล
ผศ.อรรถพล ยังทวงถามนโยบาย Anywhere Anytime ที่กระทรวงฯ เคยระบุไว้ว่า จะทำให้การเรียนรู้เกิดได้ทุกที่ทุกเวลา นี่จะเป็นการย้อนแย้งในตัวเองของกระทรวงหรือไม่ ? ดังนั้น การสั่งงดทัศนศึกษาจึงไม่ต่างอะไรจากการปัดความรับผิดชอบในการสร้างระบบการศึกษาที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงศึกษาธิการ
ผศ.อรรถพล บอกอีกว่า ปัญหาของเรื่องนี้ต้องกลับมาแก้ไขโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ทัศนศึกษาปลอดภัยมากพอ ในระดับพื้นที่การศึกษาต้องร่วมมือกันระหว่าง สพม. และ สพป. ช่วยกันประสาน จัดหารถเช่าที่มีคุณภาพ เหมาะสม ปลอดภัย และจัดทำเป็นรายชื่อเพื่อกำหนดให้ทุกโรงเรียนในเขตเลือกจัดซื้อจัดจ้างได้ตามรายชื่อนี้เท่านั้น
โดยยอมรับเข้าใจดีว่า ครูไม่น้อยก็ลำบากใจในการปกป้องและดูแลความปลอดภัยเด็ก เพราะฉะนั้นส่วนกลางอย่างกระทรวงฯ ต้องไม่ปล่อยให้โรงเรียนลุยแก้ปัญหานี้ลำพัง ส่วนราชการต้องยื่นมือช่วยยกระดับด้วย วางมาตรฐานการเดินทาง สร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย และถ้าเห็นเรื่องความปลอดภัยเด็กเป็นสำคัญ การแก้ไขปัญหานี้ไม่ใช่แค่สั่งงดทัศนศึกษา เพราะสุดท้ายเมื่อท่านหมดวาระ ปัญหานี้ก็ยังอยู่ต่อไป และเสี่ยงเกิดขึ้นได้อีก มันต้องสร้างระบบนิเวศให้ปลอดภัยในระยะยาว
สำหรับมาตรการทัศนศึกษาในเด็กเล็ก ผศ.อรรถพล เห็นว่า ยังสามารถจัดแผนการเดินทางให้รัดกุมได้ โดยส่วนกลางต้องกำหนดข้อบังคับลงมาว่าเด็กในแต่ละช่วงวัยควรเดินทางไปได้ไกลมากน้อยแค่ไหน หรือถ้าในโรงเรียนขนาดเล็ก ครูดูแลไม่ทั่วถึง ต้องอาศัยความร่วมมือจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลบุตรหลาน
“เราสามารถจัดการศึกษาที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัยให้เยาวชนได้ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยด้วยการเลือกงดทัศนศึกษา โดยไม่ได้กลับมาถอดบทเรียนว่าอันตรายเหล่านี้จะป้องกันไม่ให้เกิดได้อย่างไร ตอนนี้เป็นโอกาสของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะออกมาแสดงทัศนคติ ยืนยันในหลักการศึกษา สร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อกระทรวงฯ ต่อการทัศนศึกษา และแนวทางการศึกษาอื่น ๆ หลังจากนี้”
ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล