กทม. เตรียมขยายขีดจำกัดดูแลเด็กเล็กเพิ่ม

ศานนท์ กางแผนรองรับจำนวนนักเรียนเข้าสังกัด กทม. เตรียมเดินหน้าทำห้องเรียนปลอดฝุ่นทางเลือก หลังงบฯ ติดแอร์ห้องเรียนปลอดฝุ่นถูกปัดตก ย้ำกายภาพสถานศึกษาเป็นพื้นฐานของคุณภาพการเรียนรู้ที่ดี

วันนี้ (12 กันยายน 2566) ศานนท์ หวังสร้างบุญ ร่วมกับ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงแนวทางการยกระดับการเรียนรู้เด็กปฐมวัยช่วง 2-6 ขวบใน กทม. และแนวทางจัดการศึกษาภายใต้งบประมาณ ปี 2567 โดยระบุว่า กทม. ยังดูแลเด็กได้ไม่มาก โดยเตรียมแผนขยายขีดจำกัดรองรับเด็กเล็ก พร้อมชูแนวทางการจัดการศึกษาผ่านการพัฒนากายภาพสถานศึกษา การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ และการยกระดับครู

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ในปีการศึกษา 2566 มีเด็กกรุงเทพฯ อายุ 0 – 6 ปี ตามข้อมูลทะเบียนราษฎรถึง 259,264 คน ซึ่งอยู่ในการดูแลของ กทม. เพียง 82,990 คน (คิดเป็นร้อยละ 32) ในขณะที่จำนวนเด็กที่กทม. ดูแลอยู่ในหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักการศึกษา สำนักพัฒนาสังคมฯ สำนักอนามัย และสำนักแพทย์ โดยแบ่งประเภทตามหน่วยงานที่ดูแล ดังนี้

  1. เด็กอนุบาลในสังกัด 429 โรงเรียน 38,499 คน 
  2. เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ในสังกัด 431 โรงเรียน 26,945 คน 
  3. เด็กในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในสังกัด 274 โรงเรียน 17,213 คน
  4. เด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กกลางวัน ในศูนย์บริการสาธารณสุข 12 แห่ง 218 คน
  5. เด็กในศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ ในสังกัด รพ. กทม. 8 แห่ง 115 คน

ศานนท์ ระบุว่า ทาง กทม. จะมีแผนเพิ่มขีดจำกัดรองรับเด็กอนุบาลตั้งแต่ 3 ขวบเป็นต้นไป ซึ่งเท่าที่ได้มีการสำรวจและศึกษามาพบว่ามีสถานศึกษาที่จะรองรับได้ 189 แห่ง จาก 429 แห่ง และภายในปีการศึกษาหน้า (เดือน พ.ค.) จะมีเด็ก 7,000 คนที่จะเข้าสู่ระบบ โดยตัวเลขอาจพุ่งไปได้ถึง 15,000 คน ในขณะที่ศูนย์วัยเด็กของสำนักพัฒนามนุษย์ฯ มีแผนจะรับเด็กต่ำกว่า 2 ขวบ มาในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอีกด้วย

ขณะที่ประเด็นโครงการห้องเรียนปลอดฝุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ทางศานนท์ ได้ระบุถึงความเป็นมาของโครงการ ชี้ว่าเด็กเล็กกทม. ต้องนอนกลางวันและเรียนหนังสือในสภาพห้องเรียนระบบเปิด (มีอากาศภายนอกหมุนเวียน) จึงจำเป็นต้องมีห้องปรับอากาศที่เป็นระบบปิด โดยจะประกอบด้วยแอร์ 2 ตัว ขนาด 30,000 BTU เพราะห้องเรียนกทม. มีความสูงกว่าห้องเรียนทั่วไป มีซีลห้อง พัดลมระบายอากาศ และเครื่องฟอกอากาศ

ข้อโต้เถียงของทางสภา กทม. มี 2 ประเด็นหลักด้วยกันคือเรื่องของค่าไฟที่จะเป็นภาระงบฯ ของกทม. และ การแนะนำให้ใช้งบซื้อแอร์ไปซื้อเครื่องฟอกอากาศ ทางศานนท์ เผยว่า ทางสำนักการศึกษาได้คำนวณค่าไฟไว้หลายกรณี เช่น หากเปิดแค่ช่วงนอนกลางวันจะมีค่าไฟเพิ่มขึ้นราว 3,000 บาท/ปี/เครื่อง หรือหากเป็นช่วงวิกฤติฝุ่นเป็นเวลาครึ่งวันจะมีค่าไฟเพิ่มขึ้นราว 6,000 บาท/ปี/เครื่อง ทั้งนี้ ตัวงบฯ อุดหนุนด้านการศึกษาที่ได้รับจากรัฐบาล 640 ล้านบาท ทาง กทม. ได้ใช้จ่ายไปเพียง 172 ล้านบาท ศานนท์ มองว่าการใช้จ่ายนี้ยังไม่ถึงร้อยละ 30 ซึ่งยังมีช่องว่างงบฯ เผื่อไว้อีกร้อยละ 10 ที่ปัดไปเป็นค่าไฟได้โดยไม่ตึงมือมากนัก

ส่วนประเด็นเรื่องเครื่องฟอกอากาศ ทางศานนท์ เผยว่า ทางสภาได้อนุมัติงบเครื่องฟอกอากาศไปแล้ว โดยสาเหตุที่ต้องแยกโครงการเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศ เป็นเพราะผู้รับเหมามีความถนัดงานเทคนิคที่แตกต่างกัน แต่ในเมื่อทางสภาฯ ปัดตกงบโครงการเครื่องปรับอากาศไปแล้ว จึงจะเดินหน้าทำห้องเรียนปลอดฝุ่นทางเลือก คือ 1) Positive Pressure หรือการติดตั้งพัดลมเติมอากาศสะอาด และ 2) การติดตั้งแอร์คู่กับโซลาร์เซลล์ เป็นต้น

ศานนท์เน้นย้ำว่า ห้องเรียนปลอดฝุ่นเป็นเพียง 1 ในแผนงานการพัฒนากายภาพสถานศึกษา ซึ่งถ้าเราไม่อาจพัฒนากายภาพของโรงเรียนให้ดี ก็เป็นไปได้ยากที่นักเรียนจะได้รับคุณภาพการเรียนรู้ที่ดี โดยทาง กทม. จะเดินหน้า 3 แนวทางคือ ปรับปรุง ก่อสร้าง และซ่อมแซม โดยแต่ละโรงเรียนจะได้รับงบซ่อมแซมแห่งละ 5 แสนบาท ซึ่งทาง ผอ. สามารถจัดการงบฯ ก้อนนี้ได้เองเลย นอกจากนี้ ทาง กทม. ยังได้ริเริ่มการปลดล็อกข้อจำกัดและลดภาระครู ดังนี้ 

  • เพิ่มงบคำวัสดุอุปกรณ์เด็กในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน 100 เป็น 600 บาท/คน/ปี 
  • เพิ่มค่าอาหารเด็กและนมในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน 20 เป็น 32 บาท/คน/ปี
  • อยู่ระหว่างปรับเพิ่มคำตอบแทนอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน 
  • จ่ายเงินตรงเวลา กำชับให้เขตจ่ายเงินค่าตอบแทนและค่าอาหารให้ตรงเวลา
  • ลดภาระงานครู โดยการจ้างเหมาธุรการในโรงเรียนและลดงานเอกสาร
  • ปรับเกณฑ์ รูปแบบและขั้นตอนการเลื่อนวิทยฐานะครูให้เหมาะสม
  • เติมอัตรากำลังครู โดยเฉพาครูปฐมวัย ครูแนะแนวและครูการศึกษาพิเศษให้เพียงพอต่ออัตรากำลังที่ว่างอยู่ 

“เรื่องของการเรียนรู้เด็กปฐมวัย 2 – 6 ขวบ เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราทำตรงนี้ได้ดี มันจะทำให้คุณภาพของเด็กที่ส่งต่อไปชั้นประถมศึกษาและอนาคต ก็จะนำไปสู่คุณภาพของเมืองที่ดีด้วย เพราะพวกเขาคืออนาคตของเมือง”

ศานนท์ หวังสร้างบุญ
ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active