สถานการณ์ใต้น่าห่วง พบภาวะการเจริญเติบโตต่ำที่สุดในประเทศ

10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ ขานรับข้อเสนอ “สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 3,000  บาท” ยกระดับคุณภาพชีวิตแม่ และเด็ก

วันนี้ (31 ม.ค.66) โครงการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า จัดเวที “อนาคตของหนู อยู่ที่สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า” จ.สงขลา เพื่อนำเสนอสถานการณ์เด็กเล็กในประเทศไทย และฟังวิสัยทัศน์ นโยบายเด็กเล็กของพรรคการเมืองในพื้นที่ภาคใต้

สุนี ไชยรส ในฐานะ ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า  ระบุว่า การเสนอประเด็นเด็กเล็กถ้วนหน้า ตั้งแต่ 0-6 ปี เนื่องจากช่วงวัยนี้ เป็นช่วงสำคัญของชีวิตคน ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญสวัสดิการในเรื่องนี้  แต่ประเทศไทยยังไม่มีนโยบายเหล่านี้ งานวิจัยจาก TDRI ระบุว่า ค่าใช้จ่ายเด็กแรกเกิด ถึง 6 ปี เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด “ถ้วนหน้า 0-6 ปี นั้นควรจะอยู่ที่ 3,000 กว่าบาท” 

แม้รัฐบาลจะมีนโยบายสวัสดิการสนับสนุนเด็กเล็ก 0-6  ปี แต่ยังเป็นแบบไม่ถ้วนหน้า และมีเงื่อนไขพอสมควรในการให้ ดังนั้น จึงยังมี เด็กที่ยังไม่ได้รับสวัสดิการนี้ ไม่น้อยกว่า 2.4 ล้านคน จากเด็ก 4 ล้านคน จึงเป็นอีกครั้งที่คณะทำงาน เดินสายลงพื้นที่ไปให้ข้อมูลและทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ และพรรคการเมือง โดยเริ่มไปภาคใต้ ซึ่งพบข้อมูลสถานการณ์ของเด็กเล็ก และเยาวชนที่น่ากังวล

สถานการณ์ภาคใต้ยังน่าห่วง ย้ำความสำคัญเด็กเล็กต้องมีสวัสดิการ

รศ.จุฑารัตน์  สถิรปัญญา  หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์ชุมชน สาขาวิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและเวชศาสตร์ป้องกัน คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เปิดเผย ข้อมูลสถานการณ์เด็กในภาคใต้จากเขตบริการสุขภาพว่า เด็กในภาคใต้ยังมีภาวการเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าทั้งประเทศ ขณะที่คุณภาพชีวิตเด็กในประเทศก็ยังไม่สูงนัก ทั้งโภชนาการและพัฒนาการเด็ก ซึ่งจากข้อเท็จจริง ภาคใต้มีอัตราคนจนค่อนข้างสูง แต่ประชากรเหล่านี้กลับมีลูกมากโดยเฉลี่ย รวมไปถึงครอบครัวเด็กเหล่านี้ยังมีความรุนแรงในครอบครัว 

“เด็กในภาคใต้ยังมีภาวการเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าทั้งประเทศ… จากการลงพื้นที่ พบว่า เด็กในครอบครัวยากจน จะไม่ได้รับสวัสดิการ ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น พ่อแม่ไม่รู้ เอกสารไม่ครบ ดังนั้นเราจึงต้องผลักดัน เงินอุดหนุนถ้วนหน้า 100%” 

รศ.จุฑารัตน์  สถิรปัญญา 

โซรยา จามจุรี  ประธานศูนย์ประสานงานด้านเด็กและสตรีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศป.ดส.) ระบุ สถานการณ์เด็กใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด พ่อแม่เสียชีวิตทำให้เด็กกลายเป็นเด็กกำพร้า รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบ โดยพบข้อมูลว่า จังหวัดปัตตานีติดอันดับคนที่จนสุดของประเทศ  ซึ่งความยากจนส่งผลต่อภาวะทุพโภชนาการในเด็ก  โดยยืนยันว่า สิ่งที่ต้องสานต่อ คือ สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าตั้งแต่ 0-6 ปี  เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ

หลังจากที่คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า  นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำเสนอข้อมูลจากงานวิชาการ และข้อมูลจากการลงพื้นที่ จึงเป็นการนำเสนอนโยบายจากผู้แทนพรรคการเมืองในพื้นที่ โดยมี 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ใต้ พูดถึงวิสัยทัศน์การทำนโยบาย และทั้งหมดขานรับสวัสดิการเด็กเล็ก

‘ประชาชาติ’ ให้เด็กถ้วนหน้า 0-6 ปี 4,500 บาท  

พ.ต.อ. ทวี  สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ  ระบุ พรรคให้ความสำคัญกับการสร้างคน ต้องกล้าหาญในการเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศ และให้ความสำคัญกับเด็ก โดยพรรคประชาชาติจึงได้มีนโยบาย ตั้งแต่เกิด 0-6 ปี  จะให้สวัสดิการเด็กถ้วนหน้า 4,500 บาท เพื่อให้พ่อและแม่ได้เลี้ยงเด็ก จึงขยายให้ลาพักหลังคลอดจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน  ส่วนเด็กอายุ  6-15 ปี จะกำหนดให้ 3,000 บาท รวมถึงนโยบายกระจายอำนาจในการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลเด็ก 

ประชาธิปัตย์ “ท้องปุ๊บ รับปั๊บ” 3,000 บาท ตลอด 9 เดือน

ปิยะกาญจน์  สุพรรณชนะบุรี พรรคประชาธิปัตย์   ระบุ พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เช่นกัน จากนโยบาย สร้างคน สร้างชาติ  ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์  ขอรับข้อเสนอแนะจากคณะทำงานฯ  เราจะทำให้ถ้วนหน้า ให้เกิดขึ้น ภายใต้นโยบาย “ท้องปุ๊บ รับปั๊บ” เพื่อให้คุณแม่ทุกคนไม่กังวลในการที่จะมีลูก  พร้อมรับ 3,000 บาท ตลอด 9 เดือน  ส่วนสวัสดิการเด็กถ้วนหน้า  0-6 ปี  พรรคประชาธิปัตย์กำหนดไว้ที่  1,000 บาท  “พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า จะทำให้ถ้วนหน้า 0-6 เป็น 1,00 บาท/ปี แบบถ้วนหน้า  ในส่วนของพ่อแม่เด็ก ต้องเพิ่มศักยภาพทั้งรายได้และเวลา และการให้ได้รับโอกาสอย่างเต็มที่  นโยบายเพิ่มศักยภาพครอบครัว โดยจัดทำนโยบายการถือครองที่ดินให้กับครอบครัว

ภูมิใจไทย-ไทยสร้างไทย รับข้อเสนอวางเป็นนโยบายสวัสดิการเด็กเล็ก

พญ.เพชรดาว  โต๊ะมีนา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย  กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับฟังจากคณะทำงาน ระบุว่า ข้อมูลโรงสร้างทรัพยากรบุคคลปรับเปลี่ยนไป ทำให้พรรคต้องขอไปศึกษาเพื่อที่จะได้เขียนนโยบายให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยคำนึงถึงงบประมาณของประเทศทีมีอยู่ด้วย โดยพรรคเน้นให้ทุกนโยบายต้องดำเนินการได้จริง  ขอใช้งบประมาณการจัดการความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อมาทำให้สวัสดิการถ้วนหน้าเป็นจริง

“พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ ข้อมูลจากเวทีวันนี้จะนำไปวางเป็นนโยบายของพรรค ในขณะที่นโยบายของพรรคในขณะนี้ เป็นการเอื้อให้กับครอบครัวอย่างยิ่ง เช่นการผ่อนค่าไฟ การพักการชำระหนี้  ซึ่งเราจะพูดถึงเด็กอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องพูดทั้งระบบเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้อาจจะมีนโยบานเฉพาะพื้นที่ในภาคใต้และนโยบายภาพรวม” 

ด้าน ตัสนีม  เจ๊ะตู กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย  กล่าวว่า การสร้างคนต้องเริ่มจากที่เด็กอยู่ในท้องแม่ ดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดให้มีความสุข และมีสิทธิ์ ตั้งแต่เกิดจนแก่  ให้เด็กมีการศึกษาฟรี ตั้งแต่เริ่มจนจบ ปริญญาตรี  และจะนำข้อเสนอไปหารือในพรรคเพื่อกำหนดว่าควรเป็นเท่าใดที่เหมาะสม การสร้างคนสำคัญกว่าการสร้างงาน สร้างชีวิตให้คนไทยที่ดีที่สุด ทุกคนมีโอกาสได้รับการดูแลอย่างถ้วนหน้า 

“เรื่องเด็กคือเรื่องของตัวเราเอง การดูแลสวัสดิการเด็ก อาหารที่อร่อยและการดูแลจิตใจของเด็ก เราไม่ได้แค่คำนึงแค่ตัวเลขที่จะกำหนดขึ้น แต่พรรคจะคำนึงถึงสวัสดิการโดยภาพรวม และเราจะมีนโยบายที่จะดูแลอย่างดีที่สุด ยืนยันที่จะนำทุกเรื่องไปพิจารณาให้เป็นนโยบาย”

ชาติพัฒนากล้า เสนอ 4 มาตรการนโยบายสวัสดิการครอบครัว

ผศ.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ พรรคชาติพัฒนากล้า  กล่าวว่า เห็นด้วยกับสวัสดิการเด็กถ้วนหน้า และมีชุดนโยบายสวัสดิการครอบครัวเหลื่อมล้ำ มี 4 ประเด็น

1. เงินอุดหนุนเด็กเล็ก เริ่มที่ 1,500 บาท โดยพิจารณาจากฐานะทางการคลังของประเทศ

2.สนับสนุนลาคลอด ทั้งพ่อและแม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดหาข้อมูลว่าควรเป็นเท่าใด

3.พัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยพัฒนาบุคลากร/สิ่งแวดล้อม/โภชนาการ/ของเล่นเสริมพัฒนาการ 

4.ส่งเสริมให้สถานประกอบการ มหาวิทยาลัย มี Day care ศูนย์รับเลี้ยง  โดยกำลังพิจารณาว่าต้องใช้งบประมาณเท่าใด หารายได้ 5 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขความเหลื่อมล้ำ

“พรรคฯจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของพ่อ แม่ เพื่อให้พ่อแม่ดูแลเด็กได้ดี   หนึ่งสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพ่อแม่ สองใช้เทคโนโลยีในการบริหารประเทศ สามเพิ่มประสิทธิภาพที่จะดูแลทุกมิติ” 

พลังประชารัฐ  เน้นสร้างระบบ จัดการฐานข้อมูล

ผศ.วลัยพร รัตนเศรษฐ์ คณะกรรมการนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่า มี 3 โครงการใหญ่ สวัสดิการประชารัฐ  สังคมประชารัฐ ทำอย่างไรเด็กทุกคนจะเข้าถึงสวัสดิการที่เกี่ยวข้องได้ถ้วนหน้า  ถ้าเด็กได้รับสวัสดิการจะได้รับอย่างมีคุณภาพหรือไม่  จะมีใครตกหล่นหรือไม่  เราจะขับเคลื่อนอย่างไร 0-6 ปี มีการจัดระบบฐานข้อมูลเพื่อเชื่อมข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะกำหนดนโยบายที่ชัดเจน สวัสดิการไม่ใช่เรื่องยาก 

“เรื่องสวัสดิการเด็ก พรรคฯให้ความสำคัญอยู่แล้ว เพื่อเราจะได้สร้างสังคมประชารัฐ ตั้งแต่เกิด เติบโต และทำงาน คิดได้ ทำเป็น และจะทำต่อไป ลูกของทุกคนเป็นกำลังของประเทศชาติ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลต้องสร้างคนให้มีคุณภาพ” 

เพื่อไทย คิดใหญ่-ทำเป็น 

ณหทัย  ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า ไทยรักไทยเป็นพรรคแรกที่ผลักดันให้นโยบาย 30 บาทเป็นจริงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเริ่มตั้งแต่ในท้องแม่ จนถึงเรียนหนังสือและมีอาชีพ  ทำอย่างไรจะให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพที่สุด ดังนั้นเงินสนับสนุนที่จะให้ จะปรับไปตามอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น 0-6 ปี ที่ 3,000 บาท จึงไม่ใช่เรื่องยาก นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะร่วมลงทุนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้มีคุณภาพมากขึ้น และร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมให้มีศูนย์เลี้ยงเด็ก  แก้กฎหมายเพื่อให้เด็กทุก เชื้อชาติในผืนแผ่นดินไทยได้รับสิทธิเท่ากัน ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่ารับ-ส่งฟรี เสริมเศรษฐกิจรายได้ ขยายลาคลอด 180 วัน

“พรรคเพื่อไทยจะมีนโยบาย Learn to Earn เรียนแล้วดีมีรายได้ เพื่อเรียนแล้วจับคู่ให้ได้ และเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้กับเด็กๆ พรรคฯจะไม่ได้มองแค่เด็ก แต่จะมองภาพรวมไปถึงวัยทำงานด้วย”

 

สังคมประชาธิปไตยไทย ขานรับ  สวัสดิการถ้วนหน้า 3,000 บาท

สุคม  ศรีนวล เลขาธิการพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย กล่าวว่า การสนับสนุนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ไม่ใช่การแข่งขันทางการเมือง แต่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ  0-6 ปี เป็นวัยที่ต้องสร้างพัฒนาการเพื่อให้ตัวตนของเด็กได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และเป็นฐานรากที่สำคัญ การที่รัฐจะต้องจัดงบประมาณ และเห็นด้วยกับสวัสดิการเด็กถ้วนหน้า 3,00 บาท ซึ่งรัฐน่าจะจัดได้ในเบื้องต้น  เป็นเงินประมาณ 1.5 แสนล้านบาท/ต่อปี และหากรัฐมีมากกว่านี้ควรจะให้มากกว่านี้ โดยจัดเป็นนโยบายเร่งด่วนและไปลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลง

ก้าวไกล เสนอ สวัสดิการเด็กถ้วนหน้า 1,200 บาท รับข้อเสนอคณะทำงานฯ 3,000 บาท

ฌาฆีภัตฐ์  เพชรคง พรรคก้าวไกล  กล่าวว่า จากการลงพื้นที่คูเต่า เด็กส่วนใหญ่อยู่กับปู่ย่า และไม่ได้รับการพัฒนา สวัสดิการของรัฐที่ตกหล่น เพราะต้องเร่งหาหลักฐานความยากจน  นโยบายพรรคก้าวไกล คือ ทุกคนต้องเท่ากัน และรัฐสวัสดิการแบบก้าวหน้าและถ้วนหน้า ใช้งบประมาณ 6.5 แสนล้านบาท  มีทั้งเด็กเล็ก ผู้ชรา คนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ   สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า กำหนดไว้ที่ 1,200 บาท  คนชรา 3,000  บาท  คนพิการ 3,000  บาททุกเดือน ผู้ดูแลคนพิการ 9,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างอาชีพ ช่วงคลอดให้คูปอง 3,000 บาท ขยายวันลาคลอด 180 วัน  

นอกจากนี้ พรรคยังจะมีนโยบาย ให้งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก ให้สอดคล้องกับเวลาทำงานพ่อแม่ ในขณะที่ ข้อเสนอจากคณะทำงานฯ ที่กำหนดไว้ที่ 3,000 บาท เป็นข้อมูลที่ท้าทายสำหรับพรรคก้าวไกล 

“พรรคก้าวไกล ยืนยันความเสมอภาคเท่าเทียมของคน ทุกคนต้องเท่ากัน  เรายืนยันความถ้วนหน้า ต้องถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย โดยงบประมาณมาจากการตัดงบจากส่วนต่าง ๆ ที่ไม่สำคัญ และพรรคก้าวไกลจะพยายามทำทุกข้อเสนอจากภาคประชาชนมาจัดทำเป็นนโยบาย”

รวมไทยสร้างชาติ  รับข้อเสนอ 3,000 บาท หารือ กำหนดนโยบายในพรรค 

สมบูรณ์  อุทัยเวียนกุล พรรครวมไทยสร้างชาติ  กล่าวว่า วินัยการเงินการคลังของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ การจะจัดงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ ความเป็นไปได้จะทำได้หรือไม่ พรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องนำไปศึกษา เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสม กับทั้งประชาชนและงบประมาณของประเทศ ข้อมูลจากสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 3,000 บาท จะเป็นข้อมูลให้พรรครวมไทยสร้างชาติ นำไปเสนอเพื่อให้พรรคได้ศึกษาและจัดทำเป็นนโยบายต่อไป 

“พรรคจะพยายามศึกษา แก้ไข ระเบียบที่ติดขัดและตกหล่น เพื่อให้ได้สวัสดิการถ้วนหน้า  แค่สวัสดิการเด็กเล็กอาจจะไม่ได้ทำให้ประเทศชาติมีความสุขได้ แต่ต้องทุกคนในครอบครัว” 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active