รร.กทม. ร่วมคัดกรองทุนเสมอภาคช่วยเด็กยากจน

‘สำนักการศึกษา กทม.’ ร่วมกับ ‘กสศ.’ เชื่อมโยงฐานข้อมูลเตรียมจัดสรรทุนเสมอภาคในสถานศึกษาสังกัด กทม. 437 แห่ง หวังรักษาเด็กนักเรียนยากจนด้อยโอกาสให้คงอยู่ในระบบ พร้อมดีเดย์เปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลักประกันโอกาสทางการศึกษารับเปิดเทอม

วันนี้ (19 พ.ค. 2565) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร แถลงความร่วมมือ “ปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ด้วยหลักประกันการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา” ผ่านการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลเด็กนักเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข หรือ ทุนเสมอภาค ช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจนด้อยโอกาสในโรงเรียนสังกัด กทม. หลังพบสถิติจากการสำรวจว่าเป็นพื้นที่มีช่องว่างความเหลื่อมล้ำและมีค่าใช้จ่ายทางการศึกษาสูงกว่าเฉลี่ยทั้งประเทศถึง 2 เท่า พร้อมเปิดศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในวิกฤตการศึกษา แก้ปัญหากรณีเร่งด่วน ป้องกันเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา ปีการศึกษา 2565 

ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. เปิดเผยว่า โควิด-19 ได้ตอกย้ำปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทยให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่มีช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนสูงที่สุดในประเทศไทย จากการสำรวจค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของเด็กนักเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ามีค่าใช้จ่ายทางการศึกษาเฉลี่ย 37,257 บาทต่อคนต่อปี สูงกว่าเฉลี่ยของทั้งประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย 17,832 บาทต่อคนต่อปี ถึง 2 เท่า และหากเปรียบเทียบภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของเด็กที่มาจากครัวเรือนยากจนร้อยละ 10 ล่างสุดของกรุงเทพฯ จะอยู่ที่ 6,600 บาทต่อคนต่อปี ขณะที่ครัวเรือนที่รวยที่สุดร้อยละ 10 แรกของกรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 78,200 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งห่างกันถึง 12 เท่า ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาที่นักเรียนกลุ่มยากจนและกลุ่มที่มีฐานะดีมีโอกาสได้รับแตกต่างกัน

ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ.

ไกรยส กล่าวว่า หลังจากที่ผ่านมา กสศ. ทำงานมาอย่างต่อเนื่องกับสถานศึกษา 5 สังกัด ขณะนี้กำลังขยายการทำงานสู่สังกัด กทม. เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างหลักประกันการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาให้ครอบคลุมสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพฯ โดย กสศ. ได้ร่วมมือกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร วางระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (CCT ) ให้ครูประจำชั้นทุกโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพฯ มีเครื่องมือเยี่ยมบ้าน และคัดกรองสถานะความยากจนเป็นรายครัวเรือน เพื่อใช้ประกอบการประเมินความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบการศึกษา รวมทั้งประกอบการพิจารณาสนับสนุนมาตรการสำคัญต่าง ๆ ที่ กสศ. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล เช่น โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข หรือ ทุนเสมอภาค ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนการเฝ้าระวัง และติดตามความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการศึกษาของเด็กและเยาวชน 

“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการบูรณาการและเชื่อมส่งต่อฐานข้อมูลจากสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพฯ เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนทุนการศึกษาจากแหล่งอื่น เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลนักเรียนด้อยโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่ง กสศ. มีเครือข่ายความร่วมมือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมถึงทุนการศึกษาจากภาคเอกชน การดำเนินงานภายใต้เครือข่ายความร่วมมือทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับอัตราการเข้าเรียนของเด็กปฐมวัยและวัยเรียน รักษาอัตราการคงอยู่ของนักเรียนเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสการศึกษาต่อสูงกว่าภาคบังคับทั้งในและนอกระบบตามศักยภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้น”

ด้าน เกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลนักเรียนสังกัดกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้ศึกษาต่อในภาคเรียนที่ 2/2564 พบว่ามีนักเรียนออกจากระบบการศึกษา จำนวน  434 คน โดยกลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดปรากฏการณ์ความยากจนที่ซ้ำซ้อนทั้งยากจนเฉียบพลัน เกือบจน และจนถาวร ในช่วงเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2565 นี้ สำนักการศึกษากรุงเทพฯ ได้ร่วมมือกับ กสศ. ระดมพลังคุณครู พร้อมทำงานร่วมกับสำนักงานเขตและชุมชน ในการลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน คัดกรอง ติดตามข้อมูลนักเรียน 261,160 คน จาก 437 โรงเรียน เพื่อประเมินความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบให้ได้กลับมาเรียนต่ออีกครั้ง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษานอกระบบเช่น การจัดการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน ที่ กสศ. จะเข้ามาสนับสนุนนักเรียนที่มีข้อจำกัดด้านต่าง ๆ เป็นการศึกษาทางเลือกที่ตอบโจทย์เด็กมากขึ้น

“สำหรับกรณีวิกฤตเร่งด่วน ได้ร่วมมือกับ กสศ. ดำเนินงานเชิงรุกผ่านศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤตการศึกษา กรุงเทพฯ บรรเทาปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากภาวะวิกฤตทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ปัจจัย หรือสภาวะอื่นใดที่ส่งผลกระทบให้กระบวนการอุปการะทางด้านการศึกษาของเด็กและเยาวชนไม่สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง จนอาจเป็นเหตุให้เด็กและเยาวชนมีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา หรือขาดโอกาสที่จะได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องและเสมอภาค”

เกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม.

เกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ สำนักการศึกษากรุงเทพฯ กำลังเตรียมพัฒนาความร่วมมือกับ กสศ. ให้ครอบคลุมทุกมิติในการทำงานด้านเด็กและเยาวชนทั้งในและนอกระบบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือการพัฒนาสนับสนุนครู และสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพฯ การพัฒนาทักษะอาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของเยาวชนและวัยแรงงานช่วงต้นในพื้นที่บริการของกรุงเทพฯ การส่งเสริมให้เกิดพื้นที่เรียนรู้ในบริบทชุมชนต่าง ๆ   เพื่อให้การศึกษาได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น และยกระดับให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครเมืองหลวงที่มีความเสมอภาคทางการศึกษาอย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทั่วไปหากพบกรณีเด็กและเยาวชนที่หลุดนอกระบบการศึกษา และต้องได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนสามารถแจ้งเหตุ ได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤตการศึกษา กรุงเทพฯ เบอร์โทรศัพท์ 02 079 5475 ต่อ 0 และ 065-5069574 และ 065-5069352 ระหว่างเวลา 09.00 – 18.00 น. ทุกวันทำการ

Author

Alternative Text
AUTHOR

ศศิธร สุขบท

มนุษย์ช่างฝัน ชอบสร้างสรรค์ข่าวเชิงบวก มีพรรคพวกชื่อจินตนาการ แสนสุขกับงานขับเคลื่อนสังคม