เลื่อน! ไต่สวนมูลฟ้อง ‘คดีตากใบ’ นัดสืบพยานใหม่ 19 และ 26 ก.ค.นี้

อธิบดีศาลภาค 9 ท้วงจำเลยไม่รู้วันนัด ฝั่งทนายโจทก์ ชี้จำเลยไม่รักษาสิทธิตัวเองต่อสู้คดี ขณะที่ชาวบ้าน หวั่นคดีหมดอายุ หวังศาลช่วยให้ได้ความจริง สร้างความยุติธรรม นำตัวคนผิดมารับโทษ

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 67 มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ระบุว่า ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 2 โดยศาลมีคำสั่งให้เลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้อง เพื่อสืบพยานอีก 2 ปาก ออกไปเป็นวันที่ 19 และ 26 ก.ค.นี้ เวลา 9.00 น. เนื่องจากอธิบดี และรองอธิบดีศาล ภาค 9 ท้วงติงว่า จำเลยที่ไม่ได้แต่งทนายมา และไม่ทราบวันนัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่ คือในวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งศาลได้นัดสืบพยานที่เหลือต่ออีก 2 ปาก จากทั้งหมด 3 ปากตามที่ทนายความโจทก์ได้เสนอ ซึ่งเป็นการนัดสืบพยานต่อเนื่องจากนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยพยานทั้ง 2 เป็นผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุม หน้า สภ.ตากใบ เมื่อปี 2547

ทั้งนี้ทนายความโจทก์ และโจทก์ ที่มาศาลทุกคนได้คัดค้านการขอเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องออกไป โดยศาลรับฟังคำแถลงว่าคัดค้าน และให้จดว่าโจทก์แถลงคัดค้านไว้ในสำนวน ซึ่งทนายความโจทก์ได้คัดค้านด้วยเหตุผล คือ จำเลยทั้ง 9 คน ได้รับหมายโดยชอบและศาลได้ให้ระยะเวลาพอสมควรแล้ว แต่จำเลยกลับไม่มารักษาสิทธิของตนเองในการสู้คดีรวมถึงการแต่งทนายความ เมื่อจำเลยไม่ใช้สิทธิของตนเองในการสู้คดีเอง จึงไม่มีผู้รับมอบหรือรับทราบวันนัดใหม่สืบต่อเนื่องในระหว่างการพิจารณา จำเลยไม่ใส่ใจคดีความของตน เป็นความบกพร่องของจำเลยเอง นอกจากนี้พยานซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบเป็นชาวบ้าน ต้องเดินทางมาศาลด้วยความเดือดร้อน และยากลำบาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ตากใบรอคอยความยุติธรรมมานานเกินควร 

นอกจากนี้ ยังมีโจทก์อีก 7 คน แถลงคัดค้าน ต่อศาลมีเนื้อหาดังนี้

ผู้แถลงคนที่ 1 สูญเสียพี่ชายจากเหตุการณ์ตากใบ บอกว่า

“ขอคัดค้านการเลื่อนการพิจารณาคดี ชาวบ้านเดินทางมาศาลทุกครั้งด้วยความยากลำบาก และมีค่าใช้จ่ายหลายบาท ตนคิดวนเวียนอยู่ตลอดถึงเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ปฏิบัติเหมือนไม่ใช่คนทำให้นอนทับกัน 4-5 ชั้น ที่ติดใจที่สุดคือการตายเป็นเพราะการขาดอากาศหายใจ เมื่อเจ้าหน้าที่เยียวยาและช่วยเหลือส่วนหนึ่งแล้วแต่ก็ไม่เท่ากับชีวิตพี่ชายที่เสียไป ตากใบเป็นบทเรียนของรัฐที่โหดร้ายที่สุดอยาก เป็นประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุด อยากให้คนกระทำความผิดถูกนำตัวมารับโทษ”

ผู้แถลงคนที่ 2 ผู้รอดชีวิต แถลงคัดค้านต่อศาล ว่า

“ตอนเกิดเหตุอายุ 19 ปี กำลังเรียนอยู่ (ขณะแถลงผู้แถลงถอดฟันปลอมออก) อยากพูดหลายอย่างแต่พูดไม่ออก หน้าบวมหมด ถูกท้ายปืนทุบตี อยากได้รับความเป็นธรรม เกือบ 20 ปีผ่านมา ความยุติธรรมที่ต้องการคือการได้รับคำขอโทษ อยากรู้ถึงสาเหตุที่ให้คนมานอนทับกันแบบนั้น ตนจำไม่เคยลืมเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น อยากให้ศาลดำเนินคดีเสร็จด้วยความรวดเร็ว นำตัวผู้กระทำผิดมารับผิดชอบและรับโทษตามความผิดที่เขาทำ ที่ผ่านมาแม้ได้รับเงินเยียวยามา ตัวเงินก็พอช่วยเหลือได้บ้าง แต่หากต้องเลือกจะขอให้ไม่ต้องเกิดเหตุเช่นนี้ และไม่มีผู้ใดต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ หรือพิการตลอดชีวิตอีก”

ผู้แถลงคนที่ 3 เป็นผู้รอดชีวิต แถลงคัดค้าน ว่า

“เหมือนเหตุการณ์พึ่งเกิดขึ้นไม่นาน ถ้ามีเหตุความรุนแรงที่ไหนก็ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปจับกุมไว้ก่อนโดยไม่มีหลักฐาน ไม่อยากให้สันนิษฐานเช่นเหตุการณ์ตากใบ ตนอยู่ในเหตุการณ์ตากใบ ถูกยิงจากข้างหลังทะลุมาด้านหน้า ร่างกายมีรอยแผลขนาดใหญ่ เป็นแผลจากการเจาะเพื่อระบายเลือด”

ผู้แถลงคนที่ 4 ภรรยาของผู้เสียชีวิต บอกว่า

“ตอนเกิดเหตุ ไม่รู้ว่าสามีเสียชีวิตเพราะเหตุอะไร ไม่รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกต้องกำพร้า รัฐบอกว่าจะดูแล แต่เงินชดเชยไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาได้ สิ่งที่อยากได้คือรัฐแสดงความรับผิดชอบ ขอโทษต่อประชาชน ทำไมตอนนั้นโหดร้ายกับช้าวบ้านเช่นนั้น”

ผู้แถลงคนที่ 5 ภรรยาของผู้เสียชีวิต แถลงคัดค้านต่อศาล ว่า

“ตอนนั้นมีลูกเล็ก สามีทำงานเป็นเสาหลัก ที่ผ่านมาชีวิตลำบากมาก อยากให้รัฐออกมาขอโทษ”

ผู้แถลงคนที่ 6 แถลงคัดค้านต่อศาล ว่า

“ถ้าคดีหมดอายุความก็จะติดค้างอยู่ตลอดไปและอยากให้ตุลาการศาลเป็นกลไกในการช่วยเหลือให้ได้ความจริง”

ผู้แถลงคนที่ 7 บอกว่า

“หากปล่อยให้คดีหมดอายุความเท่ากับซ้ำเติมเหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ตากใบเป็นเหตุการณ์ที่กระทำโดยเจตนาจากการให้นอนทับกันในขณะอดอาหารในเดือนรอมฎอน ถ้าอยากให้ชาวบ้านไว้ใจ ต้องให้ความยุติธรรม นำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ”

​คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 ตัวแทนผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายจึงได้ร่วมกันยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนราธิวาสเป็นคดีอาญา 

โดยมีจำนวนโจทก์รวม 48 คน ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ 9 คน ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายปกครองในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหา ฆ่าผู้อื่น โดยทรมานหรือโดยทารุณโหดร้าย ตามมาตรา 288 และ289 (5) ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพฯ ตามมาตรา 309 หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ตามมาตรา 310

​​ตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา กว่า 85 ครอบครัว ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัว พวกเขาถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงและยังคงต้องได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ที่ยืดเยื้อ แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐใดรับผิดและได้รับโทษต่อการกระทำความผิดของตนในโศกนาฏกรรมนี้ที่สร้างความสูญเสียครั้งนี้ การฟ้องร้องคดีอาญาเหตุการณ์ตากใบ เกิดจากความพยายามของกลุ่มผู้เสียหาย ครอบครัวผู้เสียชีวิต กลุ่มทนายความและชาวบ้าน ที่ต้องการให้เกิดการค้นหาความจริงและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหตุการณ์ตากใบ จากนี้จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าศาลจะมีคำสั่งรับฟ้องคดีนี้เป็นคดีอาญาหรือไม่

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active