เร่งดัน ‘กฎหมายชาติพันธุ์’ ทุกฉบับ เข้าสภาฯ ทันที หลังได้ตั้งรัฐบาล

‘มานพ คีรีภูวดล’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธุ์ พรรคก้าวไกล เผย ทั้ง 5 ร่างกฎหมาย เป็น 1 ใน 40 กฎหมายเร่งด่วน เชื่อสร้างการยอมรับในระดับนานาชาติ และพัฒนาเศรษฐกิจสังคม บนพื้นฐานนิเวศวัฒนธรรม 

วันนี้ (25 มิ.ย.66) มานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง พรรคก้าวไกล  เปิดเผยกับ The Active ว่า ร่างกฎหมายที่เป็นการคุ้มครองสิทธิและวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ 5 ฉบับ ประกอบด้วย

  • ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เสนอโดย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นำโดยพรรคก้าวไกล
  • ร่าง พ.ร.บ. สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ…
  • ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง เสนอโดยขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และ เครือข่ายชาติพันธุ์
  • ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เสนอโดย คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชนสตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร 
  • ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน ) 

โดยทั้ง 5 ร่างกฎหมาย มีสถานะเป็นร่างกฏหมายของรัฐบาล จะเป็น 1 ใน 40 ร่างกฎหมายเร่งด่วน ที่พรรคก้าวไกลจะเร่งผลักดันทันที่ที่เป็นรัฐบาล 

“วันที่พรรคจัดสัมมนาภายใน ระหว่างวันที่ 21-23 มิ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นคุยกันว่าทำยังไงให้ ร่างกฎหมายชาติพันธุ์ ที่ฝ่ายต่าง ๆ เสนอมา ทั้ง 5 ฉบับ ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เพื่อนำไปสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยน สร้างความเข้าใจ ปรับแก้ให้มีความสมบูรณ์ที่สุดในชั้นกรรมาธิการ นี่คือหลักการสำคัญหลัก ๆ ที่ได้พูดคุยกันไว้”

มานพ คีรีภูวดล 
การสัมมนาพรรคก้าวไกล วันที่ 21 มิ.ย.66

ทั้งนี้เห็นว่าการผลักดันให้สำเร็จ มี 2 ส่วนสำคัญ คือ การหยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ทั้งฉบับ ในขั้นตอนของสภาฯ ก็ต้องให้ประธานสภาฯ พิจารณาตีความกฎหมายว่าอย่างไร อย่างในรัฐบาลชุดก่อน ตีความหลายฉบับทั้งของก้าวไกล, กรรมาธิการ และพีมูฟ เป็นกฎหมายทางการเงิน ส่วนนี้ก็ต้องส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเซ็นรับรอง แต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ จึงไม่ได้ส่งให้สภาฯ พิจารณา หรือ ครม.ไม่ได้หยิบฉบับรัฐบาล ก็คือ ของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรฯ ร่างไว้ ขึ้นมาพิจารณา

ดังนั้นเราจึงคาดหวังและตั้งใจว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้ ทั้งที่มาจากประชาชนเสนอ 2 ฉบับ รวมถึง พรรคการเมืองกรรมาธิการ และรัฐบาล รวม 5 ฉบับ จะได้รับการผลักดันจากรัฐบาลใหม่แน่นอน 

“ผมเชื่อว่า รัฐบาลชุดใหม่ ถ้านำโดยนายกฯ พิธา เรื่องนี้จะถูกพิจารณาอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือว่า เราไม่อยากให้ทั้ง 5 ร่างตกไป เราจะใช้กระบวนการในชั้นกรรมาธิการ ในสภาผู้แทนราษฎร เอาทั้ง 5 ร่าง มากางดู ทั้งข้อที่มีความเหมือน และแตกต่าง ใช้เวทีกรรมาธิการถกเถียงแลกเปลี่ยนเพื่อให้เป็นร่างกฎหมายที่มีความสมบูรณ์ที่สุด”

มานพ คีรีภูวดล

มานพ ยังย้ำถึงความสำคัญของร่างกฎหมายชาติพันธุ์ ทั้ง 5 ฉบับ ที่หากผลักดันสำเร็จ ทั้งผลดีในระดับนานาชาติที่ประเทศไทยได้ไปลงนามเรื่องสิทธิมนุษยชน และชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งอยู่ในข้อตกลงระหว่างประเทศที่พูดถึงเรื่องของสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง เรื่องของการตั้งที่อยู่อาศัย การบริหารจัดการตนเองในเบื้องต้น นี่จะเป็นผลดีต่อประเทศไทย ที่จะบอกกับชาวโลกได้ว่า ข้อตกลงระหว่างประเทศที่อยู่ใน UN DRIP ก็ดี ประเทศไทยได้สร้างเป็นรูปธรรมตามข้อตกลง ซึ่งจะได้พูดกับนานาอารยประเทศได้

ขณะที่ภายในประเทศเอง กฎหมายได้พูดถึงเรื่องการรับรองการมีตัวตนของชนเผ่าพื้นเมือง คือ พูดถึงเรื่องของการ มีเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรม  ก็คือการยอมรับการมีตัวตน ยอมรับสังคมพหุวัฒนธรรมเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับการมีตัวตนชาติพันธุ์ชนเผ่าพื้นเมืองที่มีความหวากหลาย มีความอัตลักษณ์เฉพาะ ซึ่งจะไปปรากฎในเนื้อหาของร่างกฎหมายคุ้มครองชาติพันธุ์ หรือ ว่าด้วยเรื่องของเขตวัฒนธรรมพิเศษ เขตคุ้มครองวัฒนธรรม หรือเขตนิเวศวัฒนธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การ บริหารจัดการชีวิตตนเอง ที่สอดคล้องกับจารีตวัฒนธรรม ความเชื่อและบริบททางสังคมสิ่งแวดล้อมในพื้นที่  

“สิ่งเหล่านี้มันสามารถต่อยอดเรื่องของซอฟพาวเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ทรัพยากร วัฒนธรรม เครื่องแต่งกาย สามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาเศรษกิจบทพื้นฐาน ทางนิเวศวัฒนธรรมได้อย่างดีเลยครับ”

มานพ คีรีภูวดล

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active