ชี้ช่อง เหยื่อ ‘เมาท์เทน บี’ ฟ้องเยียวยา เทียบโศกนาฏกรรม ‘เคเดอร์’

วงเสวนา แนะผู้เสียหาย ฟ้องยกแผงตั้งแต่ ผู้ว่าฯ ลงมา ฐานละเลย ‘มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล’ ย้ำต้องเยียวยาเป็นธรรม เสนอจัดโซนนิ่งผับ บาร์ นอกเขตชุมชน ออก ก.ม.ตั้งกองทุนเยียวยา

วันนี้ (10 ส.ค.65) เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง, มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว, มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล, เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต, เครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากสุรา, เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันจัดเสวนา “จากซานติก้าผับถึงเมาท์เทน บี…แก้อย่างไรให้ตรงจุด” หลังเกิดเหตุโศกนาฎกรรมไฟไหม้เมาท์เทน บี ผับใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนมีเสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า เชื่อว่าหากตำรวจไม่รู้คงไม่มีใครกล้าเปิด เรื่องนี้ชาวบ้านรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง คาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับการรับเงิน ทั้งยังเชื่อว่ากรณีเมาท์เทน บี ไม่ใช่ที่สุดท้าย แต่มีสถานบันเทิงลักษณะนี้อยู่ทั่วประเทศ หากไฟไม่ไหม้ก็คงไม่มีใครรู้ ดังนั้นการแก้ไขเฉพาะหน้าคือการเอาผิดผู้บังคับการตำรวจในพื้นที่ ส่วนระยะยาวต้องปฏิรูปโครงสร้างการบริหารงานราชการภูมิภาค เสนอให้ตำรวจต้องขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ผู้ว่าฯ ควบคุม สั่งงานได้ ลงโทษได้ เพราะที่ผ่านมาผู้ว่าฯ นายอำเภอ อนุญาตให้เปิดร้านต่าง ๆ แต่การตรวจสอบว่ามีการดัดแปลง หรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเชื่อว่าเมาท์เทน บีเป็นสถานบันเทิงเถื่อน ตำรวจกลับบอกว่าไม่รู้

ทนายแนะผู้เสียหาย ฟ้องหน่วยงาน จนท.รัฐ ฐานปล่อยปละละเลย

ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน นายกสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม มองว่า จ.ชลบุรีอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงลักษณะนี้เพียง 2 อำเภอ คือพัทยา และบางละมุง ดังนั้น เมาท์เทน บี ที่ อ.สัตหีบจึงเป็นพื้นที่ห้ามเปิด พร้อมทั้งพบการดัดแปลงการประกอบกิจการ ที่เป็นเช่นนี้ได้ ก็เพราะในพื้นที่มีหลายหน่วยงานที่ดูแล แต่ขาดการบูรณาการ บังคับใช้กฎหมายที่หย่อนยาน ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำซาก

“เมาท์เทน บี เปิดมา 2 เดือน คนทั้งจังหวัดรู้ แต่ตำรวจกลับไม่รู้ พอเกิดปัญหา ก็แก้ปัญหาง่าย ๆ คือดำเนินคดีกับเจ้าของ สั่งย้ายนายอำเภอ ตำรวจในพื้นที่ไปแขวนไว้ที่อื่น ตั้งกรรมการสอบ ซึ่งทำแบบนี้ทุกครั้ง ผมจึงอยากให้กรณีนี้เป็นคดีตัวอย่าง”

นายกสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม จึงมีข้อเสนอ 1.ให้ผู้เสียหายรวมตัวกันฟ้องร้องผู้ประกอบการที่ประมาท 2.ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนละเลยแค่ไหน 3.ฟ้องศาลปกครอง ฟ้องหน่วยงานรัฐตั้งแต่ ผู้ว่าฯ ลงมา เพื่อให้รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยปละละเลย เช่นเดียวกับพื้นที่อื่น หากพบสถานบันเทิงเสี่ยง เคยถูกร้องเรียนแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่ไม่มีการแก้ไขอะไร ก็สามารถยื่นเรื่อง ป.ป.ช.ได้ โดยไม่ต้องรอให้เกิดโศกนาฏกรรม และ 4. ที่แห่งนี้ผู้ว่าฯ ควรมีคำสั่งห้ามเปิดกิจการแบบสถานบริการอีก 5 ปี ซึ่งจุดนี้อาศัยอำนาจตามคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 ,46/2559 ดำเนินการได้เลย เพราะหนึ่งในฐานความผิดที่ชัดเจนคือให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ 

รวมถึงขอเรียกร้องให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการฯ ตามคำสั่งนี้ เร่งออกกำกับติดตามตรวจจับกุมร้านเหล้าผับบาร์ต่าง ๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายนี้ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อย่าปล่อยให้ร้านเหล้า ผับ บาร์ นอกรีต สร้างความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินประชาชน

ชี้เยียวยาเหยื่อ ‘เมาท์เทน บี’ สมน้ำสมเนื้อ เทียบเคียงกรณี ‘เคเดอร์’

จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ยอมรับว่า ขณะนี้ทราบเบื้องต้นว่าเจ้าของผับจ่ายชดเชยผู้ตายรายละ 5 หมื่นบาท ถือว่าไม่เพียงพอ ทั้งที่จริง ๆ ควรจ่ายชดเชยโดยคำนวนความสูญเสียทางเศรษฐกิจตามประมาณการณ์อายุของผู้เสียชีวิต โดยรัฐต้องเป็นแกนกลางจัดสร้างพื้นที่ต่อรองระหว่างผู้ประกอบการกับครอบครัวผู้เสียหายให้ได้รับการเยียวยาที่เป็นธรรมที่สุด ทั้งนี้ตนเห็นว่าการแก้ปัญหาต้องปฏิรูปหรือออกกฎหมายให้นายทุน เจ้าของกิจการ ต้องรับผิดชอบค่าชดเชยกรณีเกิดอุบัติภัยต่าง ๆ หรือให้มีการตั้งกองทุนชดเชยขึ้นมา โดยให้นายทุนส่งเงินเข้ากองทุน แทนที่จะให้เป็นการต่อรองเป็นรายกรณี และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตเปิดสถานประกอบการที่ต้องขึ้นกับหลายหน่วยงานทั้งท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตรวจสอบต่อเนื่อง และเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อให้สถานประกอบการอยู่ในร่องในรอย

“เหตุการณ์ ตั้งแต่โรงงานเคเดอร์ ปี 2536 ตาย 188 คน, โรงแรมโรเยลพล่าซ่า ถล่ม ตาย 137 คน ปี 2536 โรงงานลำใยอบแห้งระเบิด ปี 2542 ตาย 36 คน, ซานติก้าผับ ตาย 67 คน ถึงเมาท์เทน บี ล่าสุด ซึ่งกรณีโรงงานลำใยระเบิดนั้น ได้นำมาตรฐานข้อเรียกร้องที่นายจ้างโรงงานเคเดอร์ จ่ายมาเป็นต้นแบบเรียกร้องกับนายจ้างโรงงานลำใยอบแห้ง คือให้จ่ายค่าชดเชยผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ รายละ 2 แสนบาท และจ่ายค่าการศึกษาบุตรผู้เสียชีวิต แต่นายจ้างหนีออกนอกประเทศ จึงต้องเรียกร้องต่อรัฐบาล ใช้เวลาต่อสู้นาน 6 เดือน รัฐบาลมีมติจ่ายเป็นกรณีพิเศษให้เท่ากับกรณีคนงานเคเดอร์ คือรายละ 2 แสน และให้ค่าการศึกษาบุตร แต่เมื่อเทียบกับเหตุการณ์เมาท์เทน บีได้แค่ 5 หมื่นบาท ถือว่าน้อยมาก ควรต้องได้เกือบล้านด้วยซ้ำ หากเทียบเคียงกับกรณีเคเดอร์ เพราะต้องคิดตามอัตราเงินเฟ้อ 4-5% ด้วย ข้อสำคัญผับบาร์จะเป็นสถานที่ของอภิสิทธิชนมิได้ กฎหมายต้องเท่าเทียม”

 
แนะผู้เสียหายเรียกร้องความเป็นธรรมผ่านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

ขณะที่ นฤมล เมฆบริสุทธิ์ รอง ผอ.ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บอกว่า กรณีนี้ยังไม่พบว่ามีใครออกมาเยียวยาต่อผู้เสียหายอย่างจริงจัง ตามที่มีการอ้างว่าทนายความนำเงินประกันไปเยียวยาผู้เสียหายแล้ว ทั้ง ๆ ที่ ผู้เสียหายต้องได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรม โดยการเยียวยาเฉพาะหน้า ต่อผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นค่าปลงศพ ค่ารักษาพยาบาล และกรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว ก็จะทำให้มีคนอีกมากที่ขาดคนอุปการะก็ต้องได้รับการเยียวยาด้วย

ดังนั้น ทางมูลนิธิฯ ได้ประสานงานไปยังเครือข่ายภาคตะวันออกลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล ประสานความช่วยเหลือผู้เสียหายแล้ว หรืออีกช่องทางหนึ่งผู้เสียหายสามารถติดต่อมาทางมูลนิธิฯ ได้ โทร. 02-248-3734-7  Inbox เข้าไปที่เฟสบุ๊ค “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” และไลน์ consumerthai โดยการช่วยเหลือ อาทิ เปิดพื้นที่ให้มีการไกล่เกลี่ย เยียวยา หากไม่มีความเป็นธรรมก็จะช่วยเรื่องการฟ้องร้องคดีต่อไป

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active