จี้รัฐปลดล็อก 3 ข้อ เดินหน้าตลาดคราฟท์เบียร์ไทย

ผู้ประกอบการ เรียกร้องรัฐบาลชุดใหม่ ปรับเงื่อนไขกฎหมาย เลิกจำกัดเวลาขาย ขอสร้างโรงเบียร์ไม่จำกัดขนาด ปรับฐานภาษีเบียร์เท่าสุราแช่อื่น ๆ พร้อมล่ารายชื่อ แก้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

วันนี้ (19 ต.ค. 2566) ที่โรงเบียร์สหประชาชื่น ประภาวี เหมทัศน์ กรรมการบริหาร บริษัทกรุ๊ปบี จำกัด เปิดเผยว่าเตรียมจัดงาน THAI CRAFT BEER WEEK 2023 รวมพลคนผลิต ร้านคราฟท์เบียร์ทั่วไทย ทุกภาคทั่วประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 20- 28 ตุลาคม นี้ โดยปัจจุบันมีแบรนด์คราฟท์เบียร์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายอย่างถูกต้องประมาณ 50 แบรนด์ รวมจำนวนมากกว่า 100 ฉลาก และยังมีบริวผับที่กำลังจะเปิดอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ส่วนคราฟท์เบียร์นำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันมีเกือบ 1,000 SKU และคาดว่ามีร้านรายย่อยที่เริ่มมีคราฟท์เบียร์จำหน่าย ทั้งผลิตในประเทศไทยและนำเข้าไม่ต่ำกว่า 1,000 ร้านด้วย

แม้ว่าตลาดคราฟท์เบียร์มีทิศทางการเติบโตที่ดี แต่ปัจจุบันมูลค่าตลาดยังมีสัดส่วนที่น้อยมาก จากข้อมูลในปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดคราฟท์เบียร์รายย่อย ทั้งของแบรนด์ไทยและนำเข้าจากต่างประเทศมีสัดส่วนเพียง 0.5-1% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 270,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดเบียร์ สัดส่วนมากถึง 97% ยังเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ 

แต่หากพิจารณาเฉพาะตลาดคราฟท์เบียร์ไทย และคราฟท์เบียร์ที่บริวในผับรายย่อยต่าง ๆ คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 200-300 ล้านบาทเท่านั้น ไม่นับตัวเลขที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนอีกส่วนหนึ่ง

ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มคราฟท์เบียร์ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการเลือกเบียร์ของตัวเอง เช่น เลือกรสชาติที่ชอบ เลือกฉลากหรือยี่ห้อที่ชอบ เลือกตามงบประมาณที่ตัวเองมี และมีจำนวนไม่น้อยที่เลือกคราฟท์เบียร์ ที่ตนเองมั่นใจในรสชาติและยี่ห้อเป็นหลัก เป็นพฤติกรรมไม่ต่างจากดื่มเบียร์ทั่วไปในตลาด จึงทำให้คราฟท์เบียร์สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกประเภท

“ทุกคนรู้จักคราฟท์เบียร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และผู้บริโภคส่วนมากให้การตอบรับเป็นอย่างดีถือเป็นการให้โอกาสสินค้าประเภทนี้ จะเห็นได้ว่าเบียร์ทุกตัวสามารถเป็นกระแสได้ ถ้ามีการแนะนำให้พวกเขารู้จัก และทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า แต่ในปัจจุบันผู้ประกอบการยังมีข้อจำกัดเรื่องการห้ามโฆษณา ทำให้การสื่อสารเรื่องของแบรนด์ดิ้งและสินค้า ทำได้ค่อนข้างยาก”

ประภาวี กล่าว

ขณะเดียวกัน พบว่าผู้ผลิตคราฟท์เบียร์ไทย ยังมีข้อจำกัดในเรื่องกฎหมาย ทั้งด้านการผลิตและการทำตลาด ซึ่งผู้ผลิตคราฟท์เบียร์มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปลดล็อกให้ผู้ประกอบการสามารถขออนุญาต ทำโรงเบียร์ขนาดเล็กที่บรรจุสินค้าออกจำหน่ายภายนอกได้ รวมถึงต้องการให้กระทรวงการคลัง แก้ไขขั้นตอนการขออนุญาตต่าง ๆ ที่ค่อนช้างยุ่งยากซับซ้อน ไม่เป็นมิตรกับผู้ประกอบการเพราะผู้ประกอบการทุกรายต้องการทำทุกอย่างให้ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ อยากให้มีการคิดอัตราภาษีของคราฟท์เบียร์เท่ากับภาษีสุราแช่อื่น ๆ ด้วย เพราะปัจจุบันคราฟท์เบียร์เสียภาษีสูงกว่าสุราแช่ประเภทอื่น ๆ หลายเท่าตัว ทั้งที่กระบวนการผลิตไม่ต่างกัน

ประภาวี กล่าวอีกว่า พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 หรือที่เรียก พ.ร.บ. ต้านเหล้า ยังถือว่าเป็นอุปสรรคที่กีดขวางการประกอบอาชีพสุจริตของประชาชน ชาวคราฟท์เบียร์ โดยที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้รวมตัวจัดแคมเพนล่ารายชื่อ เพื่อยื่นแก้กฎหมายดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้มีการควบคุมที่สมเหตุสมผลและวัดประสิทธิภาพได้จริง สำหรับการเปลี่ยนแปลงอยากให้เป็นไปในเชิงเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ผลิตสินค้าและมีการพัฒนาระบบต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย อยากให้ภาครัฐเชื่อใจผู้ผลิตและประชาชนมากขึ้นว่ามีความต้องการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติอย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน อยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ ดำเนินการแบบเร่งด่วนใน 3 เรื่อง ดังนี้1.ปลดล็อกเวลาห้ามขายในช่วงเวลา 14.00 -17.00 น. และวันสำคัญทางศาสนา ต่อเนื่องไปถึงเรื่องแก้ไข พ.ร.บ.ต้าน เหล้า 2. เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตขออนุญาตสร้างโรงเบียร์ได้โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องขนาดสามารถบรรจุและ ส่งขายทั่วไปได้ จะทำให้คนเข้าสู่ระบบมากขึ้น และ 3.ปรับฐานภาษีสรรพสามิตของเบียร์ลงให้เท่าเทียมกับสุราแช่อื่น ๆ เพื่อเป็นการลดจำนวนสินค้านอกระบบ และเพิ่มจำนวนผู้เสียภาษีให้มากขึ้นด้วย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active