ห่วงรัฐบาลสลายขั้ว ผสมหลายพรรค ทำนโยบายประมงไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหา ชี้หลายเรื่องขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารใช้อำนาจตัดสินใจ แนะกำหนดกระบวนการ สร้างการมีส่วนร่วมทั่วถึง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/09/1219564-1024x683.jpg)
ตามที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางไปที่ จ.สมุทรสงคราม เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.66) เพื่อพบปะพูดคุยสอบถามถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมง ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศของ IUU และแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย นับว่าเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทย ได้หาเสียงเอาไว้
นายกรัฐมนตรี ยืนยัน เรื่องประมงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ จึงต้องการเข้ามาแก้ไขบูรณาการคู่ขนานกันไปทั้งกฎหมายในประเทศและเจรจาการค้าต่างประเทศ และขอให้มั่นใจว่า มารับฟังปัญหาเพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงอย่างเต็มที่
มงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม และที่ปรึกษาสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด ขอให้นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 ที่ยังมีโทษรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะกรณีเรือประมงทําผิดโดยไม่เจตนา ต้องถูกปรับหลายล้านบาท และระหว่างพิจารณาแก้กฏหมายประมง ขอให้แก้กฎหมายลูกที่มีปัญหาในการทำประมงภายใน 90 วัน รวมถึงการช่วยเหลือนำเรือออกนอกระบบ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น พร้อมเห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรง แต่มองว่าควรจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อย
ล่าสุดวันนี้ (2 ก.ย.66 ) วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เปิดเผยกับ The Active ถึงกรณีนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบเครือข่ายประมง จ.สมุทรสงคราม ว่า ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหน ก็มักเลือกลงไปฟังเสียงแค่คนฝ่ายนึง ไม่ได้ฟังคนอีกหลายส่วน อย่างประมงพื้นบ้านในท้องถิ่น รวมถึงผู้บริโภค ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ซึ่งจะบอกว่าเข้าถึงได้ยาก อาจเป็นแค่ข้ออ้าง ถ้าจะทำงานจริง ๆ ก็แค่กำหนดกระบวนการที่จะไปฟังพวกเขาอย่างมีเหตุผลรอบด้าน และแม้ที่ผ่านมาจะอ้างว่าก็มีไปฟังบ้าง แต่ก็เป็นการรับฟังแบบกระบวนการไม่ชัดเจน ไปเอาข้อมูลมาประกอบกอบการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง ที่ต้องถามต่อคือผู้บริโภคในประเทศเขาจะได้อะไร เพราะตอนนี้อาหารทะเลก็อย่างที่เห็นไม่มีคุณภาพ และราคายังสูง ซึ่งไม่เป็นธรรม
“ที่อ้างว่าตอนนี้มีปัญหา ต้องนำเข้ามาในประเทศก็พูดไม่หมด คือ ที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นทูนา เอาเข้ามาทำส่งออกไปเหมือนเดิม ไม่เกี่ยวการบริโภคในประเทศ แต่ในส่วนของปลาทูไทย กลับปล่อยให้ประมงผิดกฎหมายทำลาย เปิดทางให้กลุ่มทุนนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคุณภาพก็ไม่ดี ไม่สด ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก ไม่รู้อะไรปลาทูแช่แข็ง หรือปลาทูสดในประเทศ”
วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/09/A56CBFAC-0722-464F-9EA1-2BE10220D10D-1024x576.jpeg)
ส่วนเรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมาย ในแง่หลักการมองว่าเดินหน้าได้ ถ้าจะปรับปรุงแก้ไข เป็นอำนาจสภาฯ อยู่แล้วที่จะพิจารณา แต่ไม่ควรแก้ด้วยอำนาจฝ่ายบริหาร และส่วนที่เป็นรายละเอียดหลักการต่าง ๆ ที่เสนอมาไม่ว่าเรื่องลดบทกำหนดโทษ การปรับปรุงข้อกำหนดต่างๆ อันนี้เป็นรายละเอียดที่ควรไปถกกันในกระบวนการแก้ไขกฎหมาย บางอันไม่ได้อยู่ในกฎหมายหลัก ในระดับ พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ. แต่มันอาจจะอยู่ในระดับประกาศกระทรวง กฎกระทรวง หรือระเบียบกรม อันนี้เป็นอำนาจฝ่ายบริหาร จะเป็นประเด็นว่า ถ้าจะปรับปรุงแก้ไขมันจะมีโอกาสไปกระทบอย่างอื่นหรือไม่ ไม่ควรมองประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายเดียว ต้องมีความสมดุล
สำหรับการมอบหมาย ร.อ.ธรรมนัส นั่งหัวโต๊ะกรรมการแก้ปัญหา ถือเป็นครั้งแรกที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จะได้ดูแลแก้ปัญหาประมง สิ่งแรกที่เป็นความท้าทาย คือ ไม่รู้ว่ามีมือไม้ หรือที่ปรึกษาจะมาช่วยกันทำงานมากน้อยแค่ไหน จะครบถ้วนสมบูรณ์รอบด้านหรือไม่
“เนื่องจากเป็นรัฐบาลผสมพรรคร่วม ในขณะที่นโยบายหลัก ๆ ก็มาจากอีกพรรคนึง หรือหลายพรรคที่ต้องทำร่วมกัน ความสามารถการบริหารความแตกต่างทางนโยบาย จะออกมาเป็นยังไง”
วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี
นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย บอกด้วยว่า ปัญหาทั้งหมดที่กลุ่มประมงส่วนหนึ่งที่เข้าพบนายกฯ สะท้อน แท้จริงแล้วลึก ๆ ไม่ได้เป็นปัญหาที่กฎหมาย แต่เป็นปัญหาที่ฝ่ายบริหาร เช่น การกำหนดให้โควตาจับปลาเป็นจำนวนวัน 240 วัน กฎหมายไม่ได้ระบุ หรือ แม้แต่เรื่องเขตทะเลชายฝั่ง เป็นอำนาจฝ่ายบริหารไปกำหนด ถ้าเปลี่ยนคือฝ่ายบริหาร ก็มีอำนาจพิจารณาปรับปรุงใหม่ ไม่ได้แก้กฎหมายเพราะกฎหมายเดิมก็เปลี่ยนได้อยู่ หรือเรื่องแรงงาน ที่มีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง เผลอ ๆ อาจจะมีมากกว่ากฎหมายประมงด้วยซ้ำ ทั้งแรงงาน ตรวจคนเข้าเมือง ระเบียบมหาดไทย ก็เป็นความท้าทายเพิ่มไม่ใช่แค่ประมง ต้องอาศัยทั้ง ครม.
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2023/09/291B4F31-F9BB-4A27-ACBE-5FBFC75DF9B1-1024x674.jpeg)
“เรื่องปัญหาแรงงานนั้น ไม่ปฏิเสธหากขาดแคลนก็ต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่กังวลการค้าแรงงานทาส จะมีมาตรการอย่างไร กระบวนการนำเข้าที่เป็นหลักประกัน ว่า ตัวแรงงานซึ่งแม้ไม่ใช่คนไทย แต่เป็นมนุษย์คนนึง จะได้รับความเป็นธรรมการจ้างงานอย่างไร ไม่ถูกเอาไปทิ้งที่อินโดนีเซียตามที่ปรากฎในข่าวที่ผ่าน ๆ มา หรือจะมีกระบวนการอะไรมาป้องกัน ซึ่งจริง ๆ การติด VMS บนเรือทำให้ติดตามได้ว่าเรือไปไหน พาแรงงานไปไหน แต่กลับมีการเสนอให้ยกเลิกก็เป็นคำถามว่าจะยกเลิกทำไม ส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ หรือมีเจตนาอยากทำความผิดอะไรหรือไม่ จึงล้วนแต่เป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันจับตาท่าทีและนโยบายด้านประมงของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลใหม่”
วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี