เตือน! ภาคใต้ฝนหนัก เฝ้าระวังน้ำป่า จับตา ‘บ้านคีรีวง’ พื้นที่เสี่ยง

‘นักธรณีวิทยา’ ห่วง บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เหตุฝนหนักสะสม 24 ชม. ส่งสัญญาณพื้นที่สีแดง ชี้ชุมชนอยู่ในร่องทางน้ำไหลหลาก หวั่นกระทบหนักมากกว่า บ้านหินลาดใน จ.เชียงราย ย้ำชาวบ้านเฝ้าระวังใกล้ชิด ขณะที่ อุตุฯ – ปภ. รายงาน ภาคใต้ยังเผชิญฝนหนักต่อเนื่อง

วันนี้ (13 ต.ค. 67) กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า พบว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง 

สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า 

ขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย 

สอดคล้องกับ ศูนย์แจ้งเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ออกประกาศแจ้งเตือน ณ เวลา 8.00 น. วันนี้ พบว่า พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย

  • อ.บ้านตาขุน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี

  • อ.ทุ่งสง อ.ฉวาง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช

  • อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา อ.นาทวี จ.สงขลา

  • อ.เบตง อ.ธารโต จ.ยะลา

  • อ.ยี่งอ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

  • อ.กะเปอร์ อ.สุขสำราญ จ.ระนอง

  • อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา

  • ทุกอำเภอ จ.ภูเก็ต

  • อ.อ่าวลึก อ.ปลายพระยา อ.เขาพนม จ.กระบี่

  • อ.เมืองตรัง อ.นาโยง จ.ตรัง

ส่วนพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม ประกอบด้วย

  • อ.พนม อ.บ้านนาสาร อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

  • อ.พิปูน อ.ฉวาง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช

  • อ.เบตง อ.ธารโต จ.ยะลา

เตือน! ‘บ้านคีรีวง’ นครศรีธรรมราช เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก

ทั้งนี้ เพจมิตรเอิร์ธ – mitrearth โพสต์ให้ข้อมูลแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ย้ำว่าบ้านหลายหลัง อยู่ในร่องน้ำหลาก ลักษณะเหมือนกับพื้นที่บ้านหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

โดย ศ.สันติ ภัยหลบลี้ จากภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บ้านคีรีวงถือเป็นพื้นที่อ่อนไหวมาก เพราะจากข้อมูลฝน 24 ชั่วโมง อ้างอิงจาก คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. พบว่า ปริมาณฝนที่สถานีสะพานคลองปง (คีรีวง) อยู่ที่ 105.4 มม. และสถานีสะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี อยู่ในระดับ 105 มม. เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนในระดับสีแดง

นอกจากนี้ในพื้นที่ร่องน้ำยังพบก้อนหิน ที่มีลักษณะที่เรียกว่า เศษหินไหลหลาก ซึ่งลักษณะการไหลจะน่ากลัวมาก และก้อนหินที่พบตามลำธาร ร่องน้ำในพื้นที่เป็นหลักฐานการไหลหลากของหินในอดีต ชาวบ้านจึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

คีรีวง ถือเป็นพื้นที่ทางน้ำที่น่ากังวลมากกว่าบ้านหินลาดในที่เพิ่งเกิดเหตุไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งขนาดว่าบ้านหินลาดในอยู่พื้นที่ต้นน้ำ ที่น้ำยังไม่ได้รวบรวมมากมายยังส่งผลต่อความเสียหายขนาดนั้น แล้วพื้นที่คีรีวง ซึ่งเป็นร่องน้ำชัดเจน อยู่ในพื้นที่ปลายน้ำจากเขา ความเสียหายจึงอาจเกิดขึ้นมากกว่าแน่นอน ทั้งนี้จึงอยากให้ชาวบ้านในพื้นที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิด และพร้อมรับมือ ขนย้ายสิ่งของมีค่าออกจากพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าชาวบ้านน่าจะมีประสบการณ์อยู่แล้ว แต่ทางที่ดีควรต้องจัดทีมเพื่อเฝ้าระวังตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อช่วยลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด”

ศ.สันติ ภัยหลบลี้ 

ยอมรับฝน ‘คีรีวง’ หนัก ต้องเร่งแจ้งเตือนชาวบ้าน

ขณะที่ โกเมศร์ ทองบุญชู ผู้ประสานงานเครือข่ายจัดการภัยพิบัติ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากที่น้ำตกวังลุง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 2 วันก่อน ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 2 คน เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ภัยพิบัติในภาคใต้ปีนี้มาเร็วกว่าฤดูกาลปกติที่ผ่านมา ซึ่งก็จะมาราว ๆ เดือนพฤศจิกายน และ ธันวาคมในบางพื้นที่

นี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมในการป้องกันรับมือ ซึ่งล่าสุดที่ต้องจับตาเฝ้าระวัง คือพื้นที่โซนหมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเมื่อวานจากที่เครือข่ายฯ ได้ดูเครื่องวัดปริมาณน้ำในพื้นที่ ที่ทาง สสน. นำไปติดตั้ง  2 จุดในพื้นที่คีรีวงศ์ พบว่า ปริมาณน้ำฝนสะสมทะลุไป 105 มม.ต่อวัน ส่วนอีกจุด 110 มม.ต่อวัน ซึ่งตัวปริมาณน้ำฝนสะสมนี้ จะบ่งบอกว่า ปริมาณน้ำฝนค่อนข้างเยอะ เพราะอยู่ในปริมาณที่เกิน 100 มิลลิเมตร  ดังนั้น เมื่อเห็นข้อมูลตัวนี้  เบื้องต้นนักจัดการภัยพิบัติ หรือในพื้นที่เสี่ยงภัย ก็ต้องสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆได้เฝ้าระวัง อย่าลืมว่าฝนที่ตกอยู่ตอนบนแนวภูเขา ซึ่งไม่มีเครื่องวัด จึงไม่สามารถรู้ได้ว่า ข้างบนนั้นฝนตกปริมาณเท่าไร

“เครือข่ายเตือนเพื่อให้คนคีรีวง หรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวเฝ้าติดตาม เพราะเวลาน้ำลงมา จะลงแรงมาก อย่างเมื่อวันก่อน ที่น้ำตกวังลุง นักท่องเที่ยวจากภูเก็ตเสียชีวิต 2 คน อันนี้เพราะกระแสน้ำมันเร็วและแรงมาก เร็วจนกระทั่งว่าเราเล่นน้ำเพลิน ๆ เราไม่รู้นะว่าน้ำมา พอกระแสน้ำมาและความลาดเอียงมันสูง คนที่เล่นน้ำอยู่ จะล้มลงไม่สามารถพยุงตัวได้ แล้วแรงน้ำก็ผลักไปกระทบก้อนหิน ซึ่งแน่นอนคีรีวง ก็มีลักษณะเป็นก้อนหินใหญ่ ๆ น้ำม้วนตัวแรงก็จะปะทะ คนก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อันนี้คือสิ่งที่เราห่วงมาก ๆ”

โกเมศร์ ทองบุญชู

ย้ำจัดทีมอาสาเฝ้าระวัง เกาะติด จุดเสี่ยงต่อเนื่อง

ผู้ประสานงานเครือข่ายจัดการภัยพิบัติ จ.นครศรีธรรมราช บอกด้วยว่า ตอนนี้เครือข่ายอาสาสมัครอยู่ในพื้นที่คีรีวง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์กันต่อเนื่อง แต่เครือข่ายฯ ก็เป็นกลุ่มชาวบ้านเตือนกันเอง ทีมหนึ่งวิ่งไปดูด้วยสายตา เพราะว่าบางครั้ง เทคโนโลยีก็ยังมีข้อจำกัดทำให้ไม่มั่นใจ แล้วอาสาก็จะส่งข้อมูลแจ้งเตือนกัน

“ตอนนี้ ผมคิดว่าเราต้องติดตามเฝ้าระวัง แต่ไม่ต้องถึงกับตระหนกตกใจ แต่เราต้องเฝ้าระวัง เพราะถ้าเราเห็นบทเรียนต่าง ๆ สอนให้เห็นว่า ปัจจุบันนี้ปริมาณน้ำฝนก็ดี หรือความรุนแรงของน้ำป่า มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้เยอะมาก เวลามาก็มาแรงมาก และเราเกือบจะเอาอะไรไม่ทัน แม้กระทั่งชีวิตตัวเอง หากเราสนใจคำเตือน เราติดตามข้อมูลข่าวสาร แล้วเราเตรียมความพร้อมไว้ มันก็สามารถที่จะลดความเสี่ยงได้”

โกเมศร์ ทองบุญชู

ส่วนจุดอพยพ จุดปลอดภัย ทางเครือข่ายฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ปภ.จังหวัด และท้องถิ่น ได้กำหนดจุดไว้แล้ว ชาวบ้านก็รู้จุด แต่เนื่องจากไม่เกิดภัยมาแล้วเป็นปี ถึง 2 ปี บางครั้งการตื่นตัว หรือว่าการเตรียมความพร้อม จะเป็นชาวบ้านก็ตาม หน่วยงานก็ตามก็อาจจะชะลอก่อน แต่ย้ำว่า ปีนี้ภัยธรรมชาติมาเร็ว อยากให้ทุกฝ่ายเตรียมการป้องกัน เพราะแม้ว่า คีรีวงอยู่ในสายน้ำ ชาวบ้านเขาสามารถขึ้นตลิ่งได้ ก็จะรอดไม่น่าห่วง แต่ที่กังวล คือหากเกิดภัยใหญ่จริง ปริมาณน้ำมากจริง ดินโคลนถล่ม อันนั้นคีรีวงก็จะมีข้อจำกัด เพราะเส้นทางแคบ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active