ผ่านมา 10 กว่าวันแล้ว ที่ชาวบ้านยังกลับเข้าบ้านไม่ได้ เหตุจมโคลนหนา ขยะเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็น ทีมอาสา เร่งช่วยเหลือชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง หวังฟื้นชีวิต เศรษฐกิจชุมชนกลับมาโดยเร็ว
วันนี้ (22 ก.ย. 67) กลุ่มอาสาล้างบ้านมูลนิธิกระจกเงา ลงพื้นที่ชุมชนเกาะลอย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากน้ำท่วมและดินโคลน จากแม่น้ำกก
สถาพร ศรีแย้ม หนึ่งในอาสาล้างบ้านมูลนิธิกระจกเงา บอกว่า บ้าน 2 หลังสุดท้ายในซอยโพธิเจริญ หลังหนึ่งมีกลุ่มเปราะบาง เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่อยู่บ้านลำพัง ไม่มีกำลังพอที่จะเก็บข้าวของที่เสียหายที่เริ่มเน่าเหม็น และดินโคลนที่ปิดทางเข้าห้องน้ำชั้นล่างได้ ทีมอาสาจึงต้องเร่งมือเพื่อฟื้นฟู ให้เขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
ทันทีที่ทีมอาสาเข้าไปในบ้าน จิตรสิณี ดวงติ๊บ เจ้าของบ้านยิ้มต้อนรับ พร้อมขอบคุณทีมอาสาที่ช่วยเหลือ และมีความหวังในการได้กลับเข้ามาอยู่บ้านเป็นวันแรก หลังต้องทิ้งบ้านไปนอนบ้านญาติตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา
ส่วนอีกหลังที่อยู่ติดกัน เป็นบ้านของ ฐิภา ดวงติ๊บ แม่ค้าขายอาหารอยู่ที่ตลาด แต่เนื่องจากน้ำท่วมให้ครัว และเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์ต่าง ๆ พังเสียหาย ขยะตกค้างบางส่วนเริ่มเน่าเหม็น เธอและสามี ต้องนอนแคร่นอกบ้านมาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.แล้ว เนื่องจากในบ้านเสียหายหนักเต็มไปด้วยโคลน ไม่สามารถเปิดประตูได้ การที่ทีมอาสาเข้ามาช่วยเหลือทำให้มีความหวังที่จะได้กลับมาประกอบอาชีพ มีรายได้พอที่จะเลี้ยงชีวิตให้เดินหน้าต่อไปได้
ทีมอาสาได้เร่งเก็บขยะ ตักโคลนออกจากบ้าน ซึ่งโชคดีที่ท้ายซอยบริเวณนั้นพอมีพื้นที่ว่างเปล่า ที่สามารถนำโคลนที่ตักออกมาทิ้งได้ส่วนฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวันนี้ เป็นอุปสรรคอยู่บ้าง เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นช่วงท้ายซอยเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้น้ำไหลลงมารวมกันทีมอาสาจึงต้องใช้เครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกไป แต่ก็ยอมรับว่า การที่ฝนตกยังมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะจะทำให้โคลนที่เริ่มแข็งตัวนิ่มลง ตักไปทิ้งได้ง่ายขึ้น
อาสามูลนิธิกระจกเงา ยังย้ำถึงอุปสรรคสำคัญในการฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบหลังน้ำลด คือ ปัญหาการจัดการโคลน ซึ่งอยากให้มีเครื่องจักรที่เพียงพอ โดยเฉพาะเครื่องดูดโคลน เพราะท่อในซอยเริ่มตัน อีกหนึ่งปัญหาในชุมชนเกาะลอย คือการขนขยะที่กองเต็มถนน ซึ่งต้องใช้รถแบคโฮ รถขนขยะ ซึ่งอยากให้มีการระดมจากหน่วยงานและพื้นที่ต่าง ๆ เข้ามาช่วยจัดการเพื่อฟื้นฟูชีวิต สังคม เศรษฐกิจให้กลับคืนมา
