ฟ้องต่อหน้า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ในวงถอดบทเรียนน้ำท่วมแม่สาย เสนอใช้แอปรายงานตัวให้รวดเร็วขึ้น ขณะเดียวกัน กู้ภัย – มูลนิธิ แนะรัฐ ยกเว้นภาษีให้องค์กรการกุศล ส่วนคนแม่สาย ย้ำระบบเตือนภัยขาดความเชื่อถือ ด้าน นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ อยากเห็นชาวบ้านทุกข์ให้น้อยที่สุด
วันนี้ (20 ก.ย. 67) ในงาน “ประสานพลัง ประสานใจ” ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าว Thai PBS รายงานว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดคุยหารือร่วมกับคณะจิตอาสา 12 องค์กร และภาคเอกชน อาทิ สมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย และอาสาสมัครกู้ภัยจากมูลนิธิต่าง ๆ
นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ยืนยันว่าหากมีข้อมูลอะไรที่จะบอกกับรัฐบาลให้ช่วยสนับสนุน ก็พร้อมและยินดีช่วยเหลือผลักดัน หากมีอะไรที่รัฐบาลต้องปรับปรุงตรงไหนได้ ก็ขอให้แชร์กันตรงนี้เลย
จากนั้นเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้เสนอแนะ แชมป์ – กษิดิศ ธีระประทีป แชมป์โลกเจ็ตสกี ตัวแทนจากสมาคมเจ็ตสกีฯ ร่วมแลกเปลี่นเป็นคนแรก โดยบอกว่า จิตอาสา ที่เข้าไปช่วยพี่น้องชาวแม่สายในเฟสที่ 1 ทุกทีมทำได้ดี สามารถช่วยชีวิตชาวบ้านได้ค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญกองทัพไทย เป็นหน่วยงานที่ปิดทองหลังพระ ช่วยเหลือชาวบ้านได้ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในช่วงยามวิกาล หรือยามกลางคืน จิตอาสาจะไม่กล้าเข้าพื้นที่ แต่กองทัพไทยยังคงลงพื้นที่ช่วยประชาชน
ขณะที่เฟส 3 เรื่องของการป้องกัน อยากเสนอให้ทำเขื่อนริมแม่น้ำสาย โดยการใช้เข็มตัว L ต่อกันทั้งสองฝั่ง และเอาดินเหนียวใส่ตรงกลาง มีแนวยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ตั้งแต่ด่านแม่สายแห่งที่ 1 ไปด่านแม่สายแห่งที่ 2 เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาและป้องกันน้ำท่วมได้ พร้อมให้ยกระดับถนนตรงเกาะทราย และทำบังเกอร์ ป้องกันน้ำกัดเซาะถนน จึงอยากเสนอแผนนี้ให้กับคณะกรรมการน้ำผ่าน นายกฯ หากแผนนี้เห็นชอบ ก็จะเสนอตัวเข้าไปช่วย เพราะตัวเองก็เป็นวิศวกรด้วย
นายกฯ บอกว่า เท่าที่ลงพื้นที่เจ็ตสกีสำคัญมาก เพราะเครื่องมือใหญ่ไม่สามารถเข้าไปช่วยชาวบ้านได้ แต่เจ็ตสกีเข้าไปได้ จึงได้พูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า อาจจำเป็นต้องจัดซื้อหรือไม่
จากนั้น ตัวแทนทีมตอบโต้ภัยพิบัติ ได้เสนอรัฐบาลให้เป็นตัวกลาง จัดทำแอปพลิเคชัน “กู้ภัยแห่งชาติ” ทั้งไว้ขอความช่วยเหลือ และรายงานตัวหน่วยกู้ภัย เพราะที่ผ่านมาต้องไปรายงานตัวที่หน่วยงานราชการ เสียเวลาไปแล้วครึ่งวัน ซึ่งหากรายงานผ่าน แอปพลิเคชัน นี้ได้ จะได้สามารถเข้าหน้างานทำงานได้ทันที
ตัวแทนมูลนิธิเพชรเกษม ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ ภาคเอกชนทุกหน่วยงานเป็นแขนขาให้กับรัฐบาล ตนจึงอยากเสนอให้รัฐบาล ยกเว้นภาษีให้กับองค์กรการกุศลเพราะองค์กรการกุศล ทำเพื่อประชาชนทำเพื่อประเทศ ขอให้พิจารณา และอนุเคราะห์ว่าองค์กรไหนเข้าเกณฑ์อย่างไร อยากให้ดูแลในส่วนนี้ เพราะอาสาสมัคร ไม่ได้ต้องการอะไรทำเรื่องหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งช่วงนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังเพราะยังเป็นน้ำ และยังมีพายุที่จะเข้ามา ขณะเดียวกัน ก็ติดปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการจราจรเพราะขณะนี้มีคนเอาของบริจาคไปจำนวนมาก
จากนั้น ตัวแทนกู้ภัยจาก อ.แม่สาย ได้สะท้อนปัญหา เรื่องการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยจนประชาชนไม่มีความมั่นใจ และไม่มีความน่าเชื่อถือ เมื่อน้ำมาจริงทำให้ประชาชนตั้งตัวไม่ทัน และกู้ภัยใน อ.แม่สาย เอง มีอยู่เพียง 3 หน่วย และที่สำคัญคือขาดเครื่องมืออุปกรณ์ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งในวันแรกที่น้ำมาเจ้าหน้าที่ทุกคนก็เข้าช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง แต่ไม่มีเรือ หรือ เจ็ตสกี รวมไปถึงอุปกรณ์ช่วยเหลือต่าง ๆ จะต้องรอหน่วยใหญ่ ๆ ลงไปถึงพื้นที่ จึงสามารถนำเครื่องมือมาช่วยประชาชนได้
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่า สิ่งที่นายกฯ สั่งการเป็นอันดับแรก คือการช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะสิ่งอื่นที่เสียหายสามารถหาได้แต่ชีวิตหาไม่ได้ สิ่งที่ทำตอนนี้ ไม่ได้ทำเฉพาะพื้นราบแต่ยังทำบนดอยด้วยเพราะถูกตัดขาดโดยมีการส่งอาหารทางเฮลิคอปเตอร์ และมีการแบ่งพื้นที่การทำงานในหลายส่วน
“เมื่อคืนนี้ได้รับรายงานว่า ปัญหาเรื่องดินโคลนยังเป็นปัญหาสำคัญ เพราะมีดินโคลน เข้าไปอยู่บ้านเรือนประชาชน มากถึง 500 – 1000 ครัวเรือน หากไม่รีบจัดการ ก็จะเป็นโคลนที่แห้งและจะจัดการยาก จึงได้มีการประสานงาน 4 หน่วยงานเมื่อคืนนี้ ผ่านทางกองทัพไทย รวมถึงกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ได้นำกำลังพลขึ้นไป เพราะหากนำเครื่องจักรใหญ่เข้าไปก็จะจัดการยากเพราะโคลนเข้าไปอยู่ภายในบ้านของประชาชน”
ภูมิธรรม เวชยชัย
ส่วนเรื่องกฎระเบียบนั้น ภูมิธรรม ยอมรับว่า ต้องคำนึงถึงเรื่องกฎหมาย แต่จะไม่ให้เป็นปัญหา และอุปสรรคในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชน อะไรที่เข้าทำได้ก่อนก็ให้ทำไปก่อน
“วันนี้การช่วยเหลือประชาชน แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาร่วมมือกันทั้ง ภาคเอกชน หน่วยงานราชการ องค์กร จิตอาสา เราใช้กำลังทั้งหมดเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชน แต่วันนี้เราก็ยังอยากได้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะจากภาคเอกชน ส่วนเรื่องการเยียวยาคาดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์จะได้ความชัดเจน”
ภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกฯ ยังชี้แจง ถึงสถานการณ์ในช่วงแรกที่เกิดภัยพิบัติว่ารัฐบาลยังไม่มีอำนาจเต็มในการสั่งการ แต่นี่ไม่ใช่เงื่อนไข ได้มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกองทัพของ ว่า นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วง แต่ยังไม่มีอำนาจสั่งการ จะจัดการหารือกับทหาร เขาก็ยืนยันว่าจะต้องส่งอยู่แล้ว และส่งไปทันทีในวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ระบุทิ้งท้าย เชื่อว่าทุกหน่วยได้ทำงานเต็มที่ ตามหน้าที่แตกต่างกันไป ทุกส่วนสำคัญไม่ว่าจะเป็นหน้างาน หรือเบื้องหลัง อยากให้ความทุกข์ของพี่น้องประชาชนสั้นที่สุด ขณะที่การเยียวยา ก็อยากจะให้ฟื้นฟู กลับมาสู่สภาพเดิมเร็วที่สุด ทั้งหมดคือศูนย์รวมน้ำใจคนไทย เพื่อที่จะช่วยคนไทยด้วยกันเอง
“วันนี้เรามาร่วมกันเพราะมีจิตใจตรงกันที่อยากจะช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน เพราะฉะนั้นไม่มีใครทำมากทำน้อยกว่ากัน แต่ทุกคนตั้งใจที่จะช่วยจริง ๆ แม้จะแค่ส่งกำลังใจ แต่ก็เป็นสิ่งดี ๆ ที่ทุกคนมีกำลังใจทำงานต่อไป ให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ที่ประสบภัยแล้วก็อยากให้กำลังใจคนช่วยเหลือหน้างานเพราะรู้ว่า 10 กว่าวันที่ผ่านมาเหนื่อยกันมาก ๆ”
ภูมิธรรม เวชยชัย
นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ฝากพระราชกระแสความห่วงใย พระราชทานโรงครัวพระราชทานมาด้วย และภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นคนไทยก็ยังรักกัน