เตือน 10 จังหวัดภาคใต้เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน วันนี้ ถึง 8 ธ.ค. 66

ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และนราธิวาส รวม 10 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ กว่า 5 หมื่นครอบครัว และมีผู้สูญเสียจากน้ำท่วม ขณะที่ภาคใต้ระยะ 2-3 วันนี้ยังคงมีฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันต่อเนื่อง

ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วม

ขณะนี้จังหวัดนราธิวาสกระทบฝนตกหนักน้ำท่วมต้อเนื่อง จึงได้ประกาศเขตภัยพิบัติจากน้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ ได้แก่อำเภอระแงะ อำเภอสุไหงปาดี อำเภอยี่งอ อำเภอแว้ง อำเภอศรีสาคร อำเภอบาเจาะ ขณะที่สภาพอากาศ ยังคงปกคลุมด้วยเมฆฝน ทางจังหวัดจึงยังแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังภาวะน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากต่อไป

ปรีชา นวลน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า ได้ประกาศให้ทั้ง 6 อำเภอ เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินเพื่อเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้การช่วยเหลือประชาชนผู้สบภัยต่อไป ส่วนพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างลงพื้นที่สำรวจผลกระทบของประชาชนและความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อเสนอประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมอีก 1 อำเภอ ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ของจังหวัดนราธิวาสมีพื้นที่ประสบภัย 7 อำเภอมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 3 พันครัวเรือนจำนวนกว่า 12,000 คน

ส่วนภาวะฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดสตูลทำให้มวลน้ำจากคลองควนโดนไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตำบลย่านซื่อ อำเภอควนโดน ผู้ประสบภัยต้องเร่งเคลื่อนย้ายข้าวของขึ้นสู่ที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยชาวบ้านในตำบลย่านซื่อบอกว่าหากฝนไม่ตกหนักเพิ่มเติมระดับน้ำก็จะลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วัน

น้ำท่วมหลากกระทบประชาชนสูญหาย

ส่วนความรุนแรงของฝนตกหนักน้ำท่วมหลา ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาก็เกิดเหตุรถยนต์ถูกน้ำป่าพัดจนรถจมลงไปบริเวณก่อนถึงสะพานปรา-นน ประมาณ 150 เมตร ในพื้นที่หมู่ 9 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพรเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ และชาวบ้าน หลายคน ต้องช่วยกันดึงเชือก เพื่อลากรถยนต์ขึ้นมาจากน้ำอย่างยากลำบาก เพราะกระแสน้ำไหลแรง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เด็กชายวัย 10 ปี ที่เดินทางมากับคุณป้า ถูกกระแสน้ำป่าพัดหายไปหลังเกิดเหตุชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ระดมกำลังค้นหาเด็กชายที่สูญหายอยู่หลายชั่วโมงแต่ก็ไม่พบ จึงได้ยุติการค้นหา และเริ่มค้นหาอีกครั้งจนกว่าจะเจอ

วิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้กองกำลังอาสารักษาดินแดนเมืองชุมพร เข้ามาร่วมค้นหาด้วย โดยแบ่งกำลังนำเรือท้องแบนของ อบต.ครน ล่องไปในคลองห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ก็พบร่างเด็กชายที่สูญหายไป ทำให้ชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ นับร้อยคน ต่างรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.สวี เข้าชันสูจน์พลิกศพ และนำร่างส่งโรงพยาบาลสวี ให้แพทย์ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนให้ญาตินำกลับทำพิธีทางศาสนาต่อไป

แนวโน้มสภาพอากาศ 5-10 ธันวาคม 2566

กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุวันนี้ (วันที่ 5 ธันวาคม  2566) มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 – 2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับระยะนี้มีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้หลายจังหวัดอาจยังมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 

ส่วนในช่วงวันที่ 6 – 8 ธ.ค. 66 มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคอีสานของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันออกยังคงพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ซึ่งจะทำให้ไทยมีฝนตกในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง กับมีลมแรง 

โดยภาคอีสานอุณหภูมิจะลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง  ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9 – 10 ธ.ค. 66 มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 – 2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยในช่วงวันที่ 5 – 10 ธ.ค. 66 อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

เตือนพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักภาคใต้
ด้านกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ประกาศได้ เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วง วันนี้ถึง 8 ธันวาคม 2566 พบว่า 10 จังหวัดมีความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80

จ.สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก และเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม

ที่มาภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย : เขื่อนบางลาง

เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง

บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองบางสะพาน คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส

สถานการณ์อุทกภัย
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา และจังหวัดนราธิวาสรวม 10 อำเภอ 64 ตำบล 408 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 54,141 ครัวเรือน ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ

ปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 4 ธ.ค. 66 น้อยกว่า ปี 2565 จำนวน 4,105 ล้าน ลบ.ม.

  • ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 63,663 ล้าน ลบ.ม. (77%)
  • ปริมาณน้ำใช้การ 39,459 ล้าน ลบ.ม. (68%)
  • การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำขนาดใหญ่ ระดับน้ำเกินระดับควบคุมสูงสูด 8 แห่ง
  • ภาคเหนือ : แม่งัดสมบูรณ์ชล กิ่วคอหมา แม่มอก แควน้อยบำรุงแดนและบึงบอระเพ็ด
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อุบลรัตน์ และลำปาว
  • ภาคกลาง : ป่าสักชลสิทธิ์

ระดับน้ำต่ำกว่าระดับควบคุมต่ำสุด 3 แห่ง

ภาคเหนือ: สิริกิติ์

ภาคกลาง : กระเสียว

ภาคตะวันออก : คลองสียัด

ขณะนี้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ โดยขอให้หน่วยงานดำเนินการ

1) วางแผนการระบายน้ำโดยจัดลำดับความสำคัญตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด

2) ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรและขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง

3) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยการใช้น้ำภาคการเกษตรให้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active