กรมชลฯ แจ้งเตือนพื้นที่ลุ่มต่ำภาคกลาง รับมือน้ำเหนือ ขณะที่เทศบาลฯ อยุธยา จับตาเขื่อนเจ้าพระยา ยังปล่อยน้ำไม่เกินพันลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังไม่ต้องเตือนให้ประชาชนเก็บของ ขณะที่นายกอบจ.อยุธยา ห่วงพื้นที่ คลองบางบาล เตรียมลงพื้นที่พรุ่งนี้
วันนี้(25 ส.ค. 67) กรมชลประทาน แจ้งสถานการณ์น้ำเหนือที่จะไหลลงมาพื้นที่ภาคกลาง ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำเป็น 649 ลบ.ม./วินาที เพื่อรองรับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนตกหนัก โดยพื้นที่ลุ่มต่ำต้องระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ทั้งพื้นที่นครสวรรค์ อ่างทอง ชัยนาท และพระนครศรีอยุธยา
The Active ลงพื้นที่ สำรวจ พื้นที่ลุ่มต่ำคลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าปริมาณน้ำค่อยๆเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่วิกฤต โดยชาวนารอบๆ เร่งเกี่ยวข้าวให้ทันก่อนน้ำจะท่วม ซึ่งคาดว่าน้ำเหนือจะไหลมาถึงที่นี่วันที่ 30 ส.ค. นี้ โดยจากข้อมูลกรมชลประทาน ระบุว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 40 – 80 เซนติเมตร
ขณะที่ภายในเกาะเมืองเก่า พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ก็เริ่มมีการเตรียมพร้อมรับน้ำท่วมล่วงหน้า โบราณสถานริมน้ำหลายแห่งตรวจเช็คเครื่องสูบน้ำ พร้อมบรรจุทรายใส่ถุงกระสอบ ขณะที่วัดไชยวัฒนาราม ยกพนังกั้นน้ำรอแล้ว ทั้งนี้ จ.พระนครศรีอยุธยา เผชิญสถานการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุด เมื่อปี 2565 ขณะที่ปี 2567 ต้องบอกว่าเสี่ยง แต่จะหนักกว่าปี 2565 หรือไม่ต้องรอดูว่า จะมีฝนตกเพิ่มหรือพายุลูกใหม่ที่จะเข้าซ้ำอีกหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วสถานการณ์น้ำที่อยุธยาจะเริ่มวิกฤตเอ่อล้นตลิ่ง ช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.
ด้าน กฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ รองนายกเทศบาลมนตรี เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา บอก The Active ว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงกับต้องแจ้งเตือน ประชาชนในเกาะเมืองให้ยกของขึ้นที่สูง เนื่องจากจะต้องประเมินจากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และการระบายน้ำ จากเขื่อนป่าสัก เพราะ แม่น้ำ 2 สาย จะไหลมารวมกันที่เกาะเมือง ที่บริเวณวัดพนัญเชิง ซึ่งหากมีมวลน้ำที่ระบายลงมารวมกันเกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที ถึงจะเพิ่มการแจ้งเตือนให้ประชาชนในเกาะเมืองเริ่มเก็บของขึ้นที่สูง แต่ก็ต้องเปิดศูนย์บัญชาการน้ำท่วมของเทศบาลฯ ไว้พร้อมแล้ว
“หากเราเตือนประชาชนในเกาะเมืองตอนนี้ให้ยกของขึ้นที่สูงโดยที่น้ำยังมาไม่ถึง อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกและกระทบต่อเขตเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยว ซึ่งเวลาที่เหมาะสมที่จะเตือนล่วงหน้าคือประมาณ 1 สัปดาห์ให้เก็บของ แต่ย้ำว่าไม่ประมาท”
รองนายกเทศมนตรี เทศบาลพระนครศรีอยุธยา กล่าว
กฤษณ์ บอกอีกว่าหลังน้ำท่วมล่าสุดเมื่อปี 2565 ทางเทศบาลฯ ได้ของบประมาณจังหวัด เพื่อจัดทำคันกั้นน้ำแบบยกขึ้นจากพื้น ซึ่งจะช่วยรับมือกับมวลน้ำในปี 2567 หากมีปริมาณน้ำมากได้เป็นครั้งแรก แต่ก็ยังไม่ประมาทอาจต้องทำคันดินหนุนไว้ข้างหลังอีกชั้นหนึ่ง
ด้าน สมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (อบจ.อยุธยา) บอก The Active ว่า เป็นห่วงพื้นที่ลุ่มต่ำมากกว่าโดยเฉพาะพื้นที่บางบาล แม้สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่วิกฤต แต่ก็ได้สั่งให้มีการเตรียมพร้อมรับมือ ในส่วนของกระสอบทรายไว้อย่างเต็มที่ ซึ่งพรุ่งนี้ (26 ส.ค. 67) จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความพร้อมในการรับมือน้ำท่วมที่เทศบาลบางบาล พร้อมรับฟังชาวบ้านสะท้อนปัญหาและข้อเสนอแนวทางการรับมือช่วยเหลือเยียวยา
ส่วนโครงการ Mega Project ขนาดใหญ่อย่างแม่น้ำเจ้าพระยาสาขา 2 ที่จะรับน้ำผันน้ำผ่านประตูระบายน้ำบางไทร-บางบาลยังไม่เสร็จ 100% ยังไม่สามารถใช้งานในฤดูน้ำหลากปีนี้ได้
เมื่อถามว่าจะดีหรือไม่หากให้ท้องถิ่นสามารถจัดการน้ำได้ด้วยตัวเองมีอำนาจในการสั่งเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ สมทรงบอกว่า ยังเชื่อใจในการตัดสินใจของกรมชลประทาน ซึ่งน่าจะมีความชำนาญมากกว่า แต่อบจ.ก็พร้อมสนับสนุนและรับฟังความต้องการของชาวบ้านทุกเรื่อง