กระทรวงวัฒนธรรมต่อยอด “เมืองโบราณศรีเทพมรดกโลก” เตรียมพัฒนาเมืองร่วมสมัยทวารวดีในไทย เป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไปในอนาคต พร้อมส่งเสริมการตลาดและการพัฒนาทักษะฝีมือดัน Soft Power
วันนี้ (29 ก.ย. 2566) เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังจากที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยได้มีการหารือและมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องน้ำสาธารณะ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก โดยคำนึงถึงการออกแบบที่รองรับผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้บริการกับนักท่องเที่ยวได้ครบทุกด้าน โดยการก่อสร้างทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความเหมาะสม ตามแผนแม่บทที่วางไว้ รวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลเมืองโบราณศรีเทพ ที่จะได้นำโบราณวัตถุสำคัญซึ่งพบในเมืองโบราณศรีเทพมาจัดแสดงต่อไป โดยจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
นอกจากนั้นยังขอให้มีการนำอัตลักษณ์ของศิลปกรรมอันโดดเด่นที่พบ ในเมืองโบราณศรีเทพ เช่น ลวดลายประดับรูปคนแคระ ซึ่งปัจจุบันถูกนำมาต่อยอดเป็นลวดลายบนไอศกรีม และจะได้สนับสนุนให้เกิดการต่อยอดเป็นสินค้าและงานหัตถกรรมอื่น ๆ โดยเน้นการส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้ผลิต ทั้งนี้กระทรวงวัฒนธรรมจะสนับสนุนด้านการตลาดและการพัฒนาทักษะฝีมือในการผลิต ของคนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมให้เป็น Soft Power อย่างแท้จริง โดยแนวทางในการดำเนินการต่าง ๆ จะได้กราบเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
เสริมศักดิ์ บอกอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินการในระยะยาวได้ให้กรมศิลปากรเผยแพร่ความรู้เรื่องเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งพบว่ายังมีอีกหลายแห่งที่สำคัญในประเทศไทย และมีอายุร่วมสมัยกับเมืองโบราณศรีเทพ เช่น
- เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
- เมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี
- เมืองนครปฐมโบราณ
- เมืองโบราณจันเสน จังหวัดนครสวรรค์
- เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี
- เมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์
- เมืองโบราณยะรัง จังหวัดปัตตานี
โดยเชื่อว่าเมืองโบราณเหล่านี้ มีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไปในอนาคต ถือเป็นการต่อยอดในการที่เมืองโบราณศรีเทพ ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก ภายใต้แนวคิด “เมืองทวารวดีที่ห้ามพลาด” นอกจากนั้นยังขอให้กรมศิลปากร ทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบเมืองโบราณศรีเทพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ไปพร้อมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป