สสส. แนะวัยทำงานตั้งเป้าต้นปีมีสติ สร้างสมดุลชีวิต หลังพบสถิติฆ่าตัวตายสูง

รายงานสุขภาพพบ ปี 63 คนไทยฆ่าตัวตายกว่า 5,000 คน เป็นชายมากกว่าหญิง 5 เท่า เหตุเครียดโควิด-19 สะสมนานกว่า 2 ปี กระทบวิถีชีวิต “สสส.” เตรียมขยายโครงการ “Happy 8″ ในกลุ่มสถานประกอบการเอกชน โรงพยาบาล สถานศึกษา”

วันนี้ (17 ม.ค. 2565) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา “Happy Workplace Talk Series : การใช้สติของมนุษย์เงินเดือนกับชีวิตวิถีใหม่” หลังพบรายงานสุขภาพคนไทย ปี 2564 มีความเครียดสูง นำไปสู่อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จอยู่ที่ 7.3 คนต่อแสนประชากร หรือกว่า 5,000 คน ในปี 2563 ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบการดำเนินชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ รายงานย้อนหลังจำนวนการฆ่าตัวตายของประเทศไทย แยกตามช่วงอายุ จากกรมสุขภาพจิต ยังพบว่า กลุ่มอายุที่ฆ่าตัวตายสูงสุด อยู่ระหว่าง 30 – 59 ปี เช่น ในปี 2562 อายุระหว่าง 30 – 39 ปี จำนวน 959 ราย, 40 – 49 ปี จำนวน 937 ราย และ 50 – 59 ปี อยู่ที่ 817 ราย ซึ่งกลุ่มอายุดังกล่าวเป็นกลุ่มอายุที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดทุกปี

กราฟแสดงอัตราการฆ่าตัวตายแยกตามช่วงอายุ ประจำปี 2562

พงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวว่า เหตุฆ่าตัวตายมักเกิดกับคนวัยทำงาน เนื่องจากสถานประกอบการจำนวนมากยังคงใช้มาตรการให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่ปัญหาความเครียด เพราะคนทำงานบางส่วนยังขาดการจัดการความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ทำงานเกินเวลาปกติ ทำงานไม่ทัน ทำให้วิตกกังวล นำไปสู่ความเครียดสะสม เกิดภาวะซึมเศร้า กระทบความสัมพันธ์ หากไม่ได้รับการฟื้นฟูสุขภาวะด้านจิตใจที่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น

พงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ สสส.

“สสส. จึงเร่งสร้างเสริมสุขภาวะด้านจิตใจคนวัยทำงาน โดยริเริ่มโครงการสร้างสุขและจิตสำนึกด้วยโปรแกรมสติในองค์กร มุ่งสร้างเสริมสุขภาวะด้านจิตใจและปัญญา ผ่านแนวคิดความสุข 8 ประการ หรือ Happy 8 ที่ผ่านมา และมุ่งเป้าขยายพื้นที่ดำเนินโครงการให้ครอบคลุม 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สถานประกอบการภาคเอกชน โรงพยาบาล และสถานศึกษา”

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า สติถือเป็นทักษะสำคัญในการพัฒนาองค์กร หากมีสติจะช่วยพัฒนาสมาธิ ไม่เครียด มีสุขภาพที่ดี ไม่มีหนี้สิน มีน้ำใจ สังคมและสภาพแวดล้อมดี มีครอบครัวที่อบอุ่น และมีความมั่นคงก้าวหน้าในการทำงาน หากคนทำงานมีสติจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จุดประกายแนวคิดหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สำคัญการมีสติในการสื่อสาร พูดจากันด้วยความระมัดระวัง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของคนทำงานในองค์กรดีขึ้น นำไปสู่การพัฒนาสุขภาวะในองค์กร 

“ในเดือนมกราคม 2565 ถือเป็นโอกาสที่ดีของคนไทยในการตั้งเป้าหมายใหม่ตั้งแต่ต้นปีผ่านเส้นทางแห่งสติ (MindFulness in Organizations) หลายคนเริ่มต้นด้วยการวางแผนที่จะมีสุขภาพที่ดี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองจากโรคอุบัติใหม่ จึงขอชวนคนทำงานมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา ด้วยการมีสติในการทำงาน”

สรยุทธ รัตนพจนารถ ผู้ร่วมก่อตั้งธนาคารจิตอาสาและผู้อำนวยการร่วมโครงการวิถีพัฒนาจิต สสส. กล่าวว่า ส่วนใหญ่เรามักมีความตั้งใจดี ๆ ในโอกาสปีใหม่ (New Year’s Resolution) แต่ค่อย ๆ ซาหรือยอมแพ้เลิกไป ทั้งที่เป็นความตั้งใจดีในการปรับปรุงตัวเองหรือทำงานให้ดีขึ้น เคล็ดลับทำความตั้งใจให้สำเร็จก็คือ 1. ยึดความตั้งใจไว้ (intention) ยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเป้าหมายเพื่อครอบครัว หรือเป็นความก้าวหน้าในงาน ก็จะยิ่งให้พลังแก่เรา มากกว่าเรื่องทั่ว ๆ ไป เช่น ทานให้น้อยลง 2. หมั่นเอาใจจดจ่อ (attention) เรียกได้ว่าเกาะติดกับเป้าหมาย ให้เวลาให้ความสนใจกับสิ่งที่เราได้เป้าตั้งใจไว้

“เทคนิคทีเด็ด ก็คือ “รู้สึกตัว” สังเกตตัวเองบ่อย ๆ ให้รู้ว่ากำลังทำ พูด คิดอะไร และรับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ หงุดหงิด เฉย ๆ จะทำให้เราหนักแน่นเมื่อเจอกับสถานการณ์ยากและเริ่มท้อ ความรู้สึกตัวจะช่วยให้กลับมาโฟกัสกับงานและความตั้งใจได้ไวขึ้น”

ทั้งนี้ สสส. จะจัดเสวนาออนไลน์ Happy Workplace Talk Series ต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน ตลอดปี 2565 ติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.happy8workplace.com หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ Happy8Workplace และ สสส.

Author

Alternative Text
AUTHOR

พิชญาพร โพธิ์สง่า

นักข่าวเล่าเรื่อง ที่เชื่อว่าการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์จะช่วยจรรโลงสังคมได้