กรรมการปฏิรูปฯ การศึกษา ชูโมเดลคิดขั้นสูง 5 สเต็ป สร้างเด็กรุ่นใหม่เป็นนวัตกร

‘ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์’ กรรมการปฏิรูปฯ การศึกษา ชูแนวคิดสร้างห้องเรียน Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ 5 ขั้นตอน ตั้งเป้าให้ครูกระตุ้นเด็กเป็นเจ้าของการเรียนรู้ สร้างนวัตกรรมได้

วันนี้ (7 ธ.ค. 2564) ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ชูโมเดลการคิดขั้นสูงเชิงระบบ 5 ขั้นตอน (GPAS 5 Steps) เน้นกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้แบบแอคทีฟเลินนิ่ง พร้อมทั้งเป็นเจ้าของการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1.แสวงหาข้อมูลรอบด้านเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ 2.คิด-วิเคราะห์-สรุปความรู้เพื่อวางแผนเตรียมปฏิบัติ 3.ลงมือทำจริง แก้ปัญหาจริง เพื่อพัฒนาหาแนวทางที่ดีที่สุด 4.สื่อสารและนำเสนอในรูปแบบที่หลากหลาย 5.สร้างคุณค่าให้ผลงาน ต่อยอดประโยชน์สู่สังคม สอดคล้องกับแผนปฏิรูปฯ การศึกษาบิ๊กล็อกที่ 2 ซึ่งมีเป้าหมายให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะความสามารถที่คงทนผ่านการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์
กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา

ศักดิ์สิน เปิดเผยว่า การปฏิรูปการศึกษาต้องคำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในด้านประชากร ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนทุกช่วงวัย จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียนรู้และรูปแบบการเรียนการสอน มาเป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะแบบผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Active Learning) ที่เน้นการยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและสนับสนุนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการสร้างการเรียนรู้ ผ่านการพัฒนากระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ (GPAS) โดย คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้วางกรอบนโยบายปฏิรูปการศึกษา เรื่องการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 (บิ๊กล็อกที่ 2) ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ 5 ขั้น (GPAS 5 Steps) มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. แสวงหาข้อมูลรอบด้านเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ (Gathering) ผู้เรียนเกิดการสังเกต หรือตั้งข้อสงสัยในปัญหาจากการกระตุ้นของครูผู้สอนผ่านกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น การสร้างสถานการณ์เพื่อฝึกให้ผู้เรียนตั้งคำถามกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในชุมชน ทำให้ผู้เรียนต้องการหาคำตอบด้วยตัวเองโดยการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอบตัว

2. คิด-วิเคราะห์-สรุปความรู้เพื่อวางแผนเตรียมปฏิบัติ (Processing) ผู้เรียนนำข้อมูลหรือองค์ความรู้ที่รวบรวมได้มาร่วมกันวิเคราะห์ว่า จะสามารถนำไปแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร จากนั้นจึงจัดจำแนกข้อมูล และนำไปวางแผนการปฏิบัติ เช่น การคิดสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชน

3. ลงมือทำจริง แก้ปัญหาจริง เพื่อพัฒนาหาแนวทางที่ดีที่สุด (Applying 1) ผู้เรียนนำองค์ความรู้ที่ผ่านการวิเคราะห์และวางแผนแล้วไปปฏิบัติและลงมือทำ โดยจะเกิดการเรียนรู้จากการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการปฏิบัติจริง การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีม เพื่อพัฒนาให้เกิดผลสำเร็จที่ดียิ่งขึ้นต่อไป

4. สื่อสารและนำเสนอในรูปแบบที่หลากหลาย (Applying 2) ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานและการแก้ปัญหา จนสามารถสรุปออกมาเป็นหลักการ สื่อสารผ่านการนำเสนอในรูปแบบแผนภาพความคิด นำเสนอเป็นรายงาน การอภิปราย การบรรยาย หรือจัดทำเป็นสื่อต่าง ๆ

5. สร้างคุณค่าให้ผลงาน ต่อยอดประโยชน์สู่สังคม (Self-Regulating) ผู้เรียนมีจิตสาธารณะและเห็นคุณค่าในผลงาน สามารถขยายผลหรือต่อยอดองค์ความรู้นั้น เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม หรือแก้ไขปัญหาสังคมในด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงกับบริบทของแต่ละชุมชน

“การปรับการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบดังกล่าว ผ่านการพัฒนากระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบที่ประสบผลสำเร็จอย่างมากในประเทศไทย คือ โรงเรียนต้นแบบในภาคเหนือจำนวน 30 โรงเรียน อาทิ โรงเรียนสระแก้ว โรงเรียนเทศบาล 1 (หนองกะพ้ออนุสรณ์) โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ โดยมีนักเรียนในช่วงชั้น ป.1- ม.6 สามารถสร้างนวัตกรรมกว่า 1,800 นวัตกรรม แบ่งออกเป็น นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ นวัตกรรมเชิงวัฒนธรรม นวัตกรรมเชิงอุตสาหกรรม และนวัตกรรมเชิงบริการ โดยคาดว่าในปีการศึกษาต่อไปจะต้องเกิดนวัตกรรมจากเด็กในช่วงวัยดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 3,000 นวัตกรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการที่ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการขยายผลไปยังพื้นที่ภูมิภาคอื่น ๆ ให้ครอบคลุมสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการยกระดับคุณภาพการศึกษา ภายใต้แผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาต่อไป”

กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ การออกแบบการเรียนรู้ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่คงทนผ่านการทำกิจกรรมที่หลากหลาย มีส่วนร่วมในทุกกระบวนการเรียนรู้ เกิดความกระตือรือร้นที่จะใฝ่รู้ สามารถใช้องค์ความรู้ผลิตผลงานหรือสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต และสอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ได้

Author

Alternative Text
AUTHOR

ศศิธร สุขบท

มนุษย์ช่างฝัน ชอบสร้างสรรค์ข่าวเชิงบวก มีพรรคพวกชื่อจินตนาการ แสนสุขกับงานขับเคลื่อนสังคม